ลองแล้วเล่า

ลอง(นิดหน่อย)แล้วเล่า : Huawei Mate XS & P40 Pro+ “ถึงคราวสองหัวเรือยุค Post 5G ตัวจริง เสียงจริง”

การมาของ Huawei P40 และ P40 Pro ในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม ถือเป็นการเปิดทางของ Huawei ในยุค Post 5G บ้านเราได้อย่างเต็มตัว แต่สิ่งที่ Huawei ก้าวพลาดไปคือ ตัวเลือกของ P40 และ P40 Pro เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมอย่าง P30 และ P30 Pro นอกจากเรื่องของ 5G แล้ว ส่งที่ทุกคนคิดเหมือนกันคือที่เหลือมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิมมากนัก แถม P30 ยังใช้ Google Play Service ได้ปกติ การจะให้เปลี่ยนมาใช้ P40 ก็คงคิดหนักพอสมควร ประกอบกับรุ่นที่ทุกคนคาดหวังอย่าง P40 Pro+ และ Mate XS ก็ยังไม่วางขาย บวกกับเรื่องของ COVID-19 ที่ทำให้คนลดการซื้อของฟุ่มเฟือยมากขึ้นไปอีก ผลก็เลยทำให้ยอดขายของ P40 แอบสะดุดหนักในช่วงแรกที่เริ่มขาย แม้ปัจจุบันจะกลับมาทรงตัว แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจมากนัก

เวลาผ่านไป 2 เดือนเต็ม COVID-19 ก็ซาลงไปเยอะแล้ว วันนี้ 4 มิิถุนายน Huawei เราก็เลยขอไปต่อแบบ โนสน โนแคร์ COVID-19 กันซะเลย ด้วยการปล่อยมือถือเรือธงตัวจริงกับ Mate XS และ P40 Pro+ สู่ตลาดประเทศไทยกันเป็นครั้งแรก และ Huawei เองก็ยังมั่นใจด้วยว่า มือถือสองรุ่นนี้ จะทำตลาดได้ดีในไทยไปอีก

เรามีโอกาสได้ลองเล่นมือถือสองตัวนี้กันอยู่พักหนึ่ง การมาของ P40 Pro+ คงไม่น่าแปลกใจ เพราะมี S20 Ultra กินตลาดเดียวกันอยู่ แต่สำหรับ Mate XS ที่เราเคยลองเล่นไปเมื่อต้นปี ตอนนั้นเราเคยบอกไว้ว่าได้ลองจับแบบนี้ แปลว่ามีโอกาสเข้าไทย ใช่ครับ วันนี้มันมาแล้ว และพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วด้วย แต่ราคาเท่าไหร่นั้นขออุบไว้ก่อน เจอกันท้าย ๆ บทความนะครับ : P

เอาเป็นว่า ประสบการณ์รอบนี้ เราพอเล่าได้แบบนี้…

Huawei P40 Pro+

เริ่มกันที่ตัวแรกของรอบนี้กันก่อน กับ P40 Pro+ รุ่นบนสุดของ P40 Series ในปีนี้ แว๊บแรกที่เห็น ถ้าไม่บอกว่าเป็น P40 Pro+ ก็คงคิดว่าเป็น P40 Pro ร่างจำแลงด้วยฝาหลังเซรามิค เพราะดีไซน์จอเอย บอดี้เครื่องเอย สัดส่วนเครื่องเอย โน่น นี่ นั่น บลา ๆ ๆ ๆ ทุกอย่างคือ P40 Pro แบบไม่ผิดเพี้ยน แต่ถ้าจับจุดกันดี ๆ หันหลังกล้องมาจะเจอกับจำนวนเลนส์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 5 เลนส์ ซึ่งเป็นจุดขายหลักของ P40 Pro+ ตัวนี้

กล้องทั้ง 5 ตัวนี้ประกอบไปด้วย เลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล (f/1.9, OIS) เลนส์ Ultra-Wide 40 ล้านพิกเซลแบบ (f/1.8) เลนส์เทเลฯ แบบ Periscope 8 ล้านพิกเซล (10X Optical Zoom, f/4.4, OIS) เลนส์เทเลฯ ปกติ 8 ล้านพิกเซล (3X Optical Zoom, f/2.4, OIS) และกล้อง 3D Depth Sensing Camera ทั้งหมดนี้ทำให้ P40 Pro+ มีจุดเด่นในเรื่องกล้องที่รองรับการซูมแบบออพติคัลได้ถึง 10 ระยะ และสามารถซูมได้ไกลถึง 100 เท่าด้วยการซูมแบบดิจิทัล

โชคดีที่เราเคยลองจับ S20 Ultra มาก่อน เลยพอจะเข้าใจโดยสังเขปว่า 100x บนสมาร์ทโฟนนี่มันเป็นยังไง ซึ่งกรณีของ Huawei P40 Pro+ ก็ให้คำตอบที่ไม่ต่างกัน คือเอาไปใช้งานจริงไม่ได้หรอก แต่ต้องขอบคุณ Leica ที่ช่วย Huawei ทำซอฟต์แวร์ออกมาดี ทำให้ 100x บน P40 Pro+ ยังให้รายละเอียดวัตถุที่ค่อนข้างครบ และชัดเจนทุกสัดส่วนของภาพ เมื่อเทียบกับ S20 Ultra ในระยะเดียวกัน

รายละเอียดอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้น เราได้มีโอกาสลองเล่นไปพร้อมกับ P40 Pro ที่ขายก่อนหน้านี้ เลยพอจะยืนยันได้ว่าทุก ๆ อย่างบน P40 Pro+ มันก็คือ P40 Pro ที่อัพเกรดกล้องเล็กน้อยนั่นแหละ เพราะนอกจากกล้องแล้ว ส่วนอื่น ๆ อย่างความเร็วในการตอบสนองก็ทำได้ดีในระดับ Huawei ตัวท็อป ฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ ที่ Huawei ชูโรงมาตลอด ก็ช่วยเหลือในการถ่ายภาพได้ค่อนข้างโอเค และโดยเฉพาะฟีเจอร์ Golden Snap ที่เป็นของเล่นใหม่บน P40 Series นี่บอกเลยว่าอื้อหือสุด ๆ ถ่ายวิวข้างนอกได้สวย และตัด Reflection ที่เกิดจากแสงสะท้อนได้ค่อนข้างดี

พูดตามตรงเลย P40 Pro+ ยังเป็นหนึ่งในตัวที่ทำให้เราตื่นเต้นและเซอร์ไพรส์ได้อยู่ตลอด แม้เราเองไม่เคยได้จับ P40 Pro ตัวเป็น ๆ แต่ประสบการณ์ไม่กี่นาทีที่ได้ลองเล่น P40 Pro+ ก็ทำให้หลงรักขึ้นมาบ้าง แต่บังเอิญว่าชีวิตยังอยู่กับ Google นี่สิ… การย้ายมา Huawei อาจจะทำให้คิดหนักพอสมควรว่าเราจะใช้อะไรได้มั้ย ความกังวลต่าง ๆ ที่เคยเจอบน Mate 30 Pro ก็ยังวนเวียนกลับมาไม่เปลี่ยนแปลง แต่ดูจากการตอบสนองของ Huawei ที่ดึงแอปฯ เบอร์ต้น ๆ ของไทยลง AppGallery ได้อย่างต่อเนื่อง เราก็อุ่นใจได้ประมาณนึงแล้วว่า ถ้าย้ายมา Huawei ตอนนี้ ยังไงก็มีแอปฯ ให้ใช้งานได้ต่อแน่นอน ไม่น่าจะหลุดขบวนด้วยซ้ำ

แต่สำหรับเรา P40 Pro+ คงไม่ Hype มือพอเท่าตัวนี้…

Huawei Mate XS

ที่ได้ลองรอบก่อน เราบอกไปว่าเป็น Product ที่ยังไม่พร้อมขาย แต่วันนี้มันเป็น Product พร้อมขายแล้ว!

สัมผัสแรกที่ได้กลับมาจับ Mate XS อีกครั้ง ขอบอกเลยว่ามันเป็นสัมผัสที่ ฟินนนนนนนนนนน (น.หนูล้านตัว) ความคงทนแข็งแรงปรับปรุงขึ้นจากวันนั้นอย่างชัดเจน กลไกการพับยังทำได้ดี แม้จะมีข้อเสียตรงที่ไม่สามารถล็อกองศาได้เหมือน Galaxy Z Flip แต่เชื่อว่ากลไกน่าจะทำให้ Mate XS รอบนี้ออกมาดี สมบูรณ์ และไม่น่าจะพังแหลกเหมือนงวด Mate X เมื่อปีที่แล้ว

ซอฟต์แวร์เวอร์ชันพร้อมขายรอบนี้ ถือว่าทำออกมาดี และดีกว่าตอนที่ได้ลองเล่นเมื่อต้นปีไปเยอะพอสมควร การสลับแอปฯ ต่าง ๆ ทำได้ดี Multi-window ก็ทำได้ดีจนแอบอุทานในใจว่า เอ้อ… Huawei ก็ทำมือถือเกรดพรีเมี่ยมได้ดีนี่นา

ก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า Mate XS เป็นมือถือที่ มี 10 ให้ 100 มี 100 ให้ 1,000 เหมือนเดิมจริง ๆ ความหล่อเหลา ความเท่ห์ก็ยังคงกระแทกตาไม่หาย เอาสั้น ๆ น่ะครับ ตามมีมที่ฝรั่งชอบใช้เวลาเจอของถูกใจเลยนั่นคือ “SHUT UP! AND TAKE MY MONEY”

สังเกตแกนพับเครื่องดี ๆ จะเห็นรอยพับของหน้าจอค่อนข้างชัดเจน

อย่างเดียวที่ยังขัดใจตั้งแต่วันแรกที่เราได้เจอกันจนถึงทุกวันนี้… แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องข้อจำกัดของเทคโนโลยีน่ะนะ ก็คงเป็นเรื่องรอยพับบนจอที่ค่อนข้างชัดเจนเวลากางเครื่องออกมา 180 องศา กับรอยขีดข่วนหรือรอยขนแมวที่เรียกว่า หยิบเล่นแปปเดียวมันก็มา ก็พอเข้าใจได้ว่าจอแบบนี้มันต้องถนอมกันจริง ๆ เพราะได้ข่าวว่าค่าอะไหล่นี่ แพงระดับสะเทือนไตพอ ๆ กับค่าเครื่องเลย

แต่ไม่ว่าจะให้เค้นข้อเสียของ Mate XS ออกมายังไง สุดท้ายที่เรายังยืนยันก็เหมือนเดิม… “SHUT UP! AND TAKE MY MONEY” ครับ คำเดียวเลย มันเป็นมือถือตัวเดียวที่ ถ้ามีเงิน เราซื้อแบบไม่คิดแน่นอน

แล้วราคาเป็นอย่างไรล่ะ???

ราคาและการวางจำหน่าย

สำหรับราคาและการวางจำหน่าย Huawei P40 Pro+ และ Huawei Mate XS นั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

Huawei P40 Pro+ วางจำหน่ายสีเดียวคือ Ceramic White ในรุ่นความจุ 512 GB / แรม 8 GB ที่ราคา 40,990 บาท โดยผู้ที่สั่งจองเครื่องตั้งแต่วันนี้ จนถึง 26 มิถุนายนนี้ จะได้รับของแถมเป็นหูฟัง Huawei FreeBuds 3 และ Huawei Wireless Charger พร้อมรับสิทธิิ์ Exclusive Service ขยายระยะเวลาการรับประกันตัวเครื่องเป็น 2 ปี รับประกันจอแตก 90 วัน รับสิทธิิ์ Huawei Cloud สูงสุด 55 GB นาน 12 เดือน และรับฟรีบริการหลังการขายแบบ Door-2-Door Service/รับสิทธิ์ติดฟิล์มกันรอยหน้า-หลังฟรี/รับสิทธิ์ทำความสะอาดเครื่องฟรี และรับสิทธิ์ส่วนลดสูงสุด 16,000 บาท เหลือ 24,990 บาท เมื่อซื้อเครื่องผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง AIS/dtac และ TrueMove H โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 27 มิถุนายนนี้

สำหรับ Huawei Mate XS จะวางจำหน่ายในรุ่นความจุ 512 GB / แรม 8 GB ที่ราคา 89,990 บาท โดยผู้ที่ซื้อเครื่องทุกคนจะได้รับของแถมเป็น Huawei Premium Leather Case มูลค่า 4,990 บาท และ Huawei Folding Protective Case มูลค่า 1,990 บาท พร้อมรับสิทธิิ์ Exclusive Service ขยายระยะเวลาการรับประกันตัวเครื่องเป็น 2 ปี รับสิทธิิ์ Huawei Cloud สูงสุด 55 GB นาน 12 เดือน และรับฟรีบริการหลังการขายแบบ Door-2-Door Service/รับสิทธิ์ติดฟิล์มกันรอยหน้า-หลังฟรี/รับสิทธิ์ทำความสะอาดเครื่องฟรี โดยตัวเครื่องเริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ 21 ร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้แก่

  •  Huawei Brand Shop
    • สยามพารากอน
    • แฟชั่นไอส์แลนด์
    • ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์
    • ฟอร์จูนทาวน์
    • อาคารจีทาวเวอร์
    • อยุธยาซิตี้พาร์ค
    • เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น
    • เฮงเจริญ เซ็นทรัล พิษณุโลก
    • เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่
    • เซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต
    • สยามทีวี เชียงใหม่
  • AIS Shop
    • เซเรเนดคลับ สยามพารากอน
    • เซเรเนดคลับ เอ็มควอเทียร์
    • เซ็นทรัลเวิลด์
    • เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9
  • True Branding Shop
    • เซ็นทรัลเวิลด์
    • เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
    • เอ็มควอเทียร์
    • ไอคอนสยาม
    • สยามพารากอน
  • Banana เอ็มควอเทียร์

ส่งท้าย

ก็เหมือนทุก ๆ ครั้งที่เราเขียนถึงมือถือจาก Huawei ในยุคนี้ ให้พูดก็พูดเถอะครับ การขาด Google ไป มันก็ทำให้เสียความเชื่อมั่นต่อตัวแบรนด์พอสมควร อารมณ์เหมือนเสียกล้ามเนื้อเพื่อใช้ในการทรงตัว แต่กลับกัน การพัฒนา Huawei Mobile Service เพื่อใช้ทดแทน และการสร้าง 1+8+N Ecosystem เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของตัวเอง ก็ถือเป็นก้าวพัฒนาที่สำคัญของ Huawei ที่จะกู้ชื่อเสียงกลับมาให้อยู่ในระดับที่สากลโลกยอมรับ แม้จะเจอไม้เบื่อไม้เมาอย่าง Donald Trump ที่คอยแต่จะรังควาญและราวีไม่เลิก แต่ก็เชื่อว่าแค่นี้ไม่ทำให้ Huawei ล้มได้ และจะยืนต่อได้แม้ไม่มีสหรัฐฯ หรือเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เป็นแกนกลางก็ตาม

สิ่งเดียวที่ Huawei คงทำได้ในตอนนี้ คือการกู้ศรัทธาต่อตัวแบรนด์กลับมาจากลูกค้า พร้อมกับการทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเอา Google กลับมาให้ได้ เพราะถ้าทำได้สำเร็จ เชื่อได้ว่ายุคทองของ Huawei ได้กลับมาเรืองโรจน์อีกครั้งแน่นอน

แต่ตอนนี้การทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุด และหวังว่า P40 Pro+ และ Mate XS จะกลับมาสร้างชื่อให้ Huawei อีกครั้งในเร็ววันนี้ : )

คณะแกดกวน #teamgadguan

คณะแกดกวน #teamgadguan

เว็บ Gadget อารมณ์ดี มีสาระ
เราคุยกันได้ทั้งเรื่องของเล่นไฮเทค วิทยาการ หรือกระทั่งเมาท์เรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เป็นงานเป็นการ