ความเดิมตอนที่แล้ว [ ลองแล้วเล่า : WD My Passport Ultra “ถึงเป็นฮาร์ดดิสก์ ก็ดูดีเกินราคาได้” ]
ในลองแล้วเล่าบทที่แล้ว เราเคยพูดกันไว้ว่าปัจจุบัน External Harddisk กลายเป็นสื่อบันทึกข้อมูลชั้นนำในยุคปัจจุบัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเติบโตของเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ทำให้เทคโนโลยี Flash Stroage มีราคาถูกลง ก่อให้เกิด SSD รูปแบบใหม่มากมาย อาทิ SSD แบบ SATA, SSD แบบ PCI-Express ที่กำลังนิยมกันในปัจจุบัน, SSD แบบฝังตัวลงบอร์ด ดังที่เห็นได้บนคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ ๆ และอีกหนึ่งรูปแบบของ SSD ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ก็ต้องยกให้กับ External SSD ที่มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกมากมายในตอนนี้
Western Digital ถือเป็นผู้ผลิตรายแรก ๆ ที่ริเริ่มพัฒนา External SSD ออกวางจำหน่าย โดยขายในรุ่นแยกของซีรีส์ My Passport ที่เป็นตระกูล External Storage ของ WD นั่นเอง และในวันนี้เราได้รับ My Passport SSD รุ่นใหม่ที่อัพเกรดความสามารถ ขนาด และความเร็วให้เหนือระดับกว่ารุ่นเดิม แม้อาจจะไม่เท่า WD Black ที่เราเคยลองแล้วเล่าไป แต่ความสามารถที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นของ WD My Passport SSD 2020 ก็ถือเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเช่นกัน

ในเมื่อตอนนี้ของอยู่ในมือแล้ว เรามาตามดูกันต่อเลยดีกว่า เพราะว่าสิ่งที่ได้จาก My Passport SSD 2020 นี้ มันเป็นแบบนี้. . .
แกะกล่อง ส่องรอบตัว

ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียด เรามาดูองค์รวมของ My Passport SSD 2020 กันก่อนดีกว่าว่ารอบนี้หน้าตาคุณเค้ามาแบบไหน สัมผัสแรก My Passport SSD 2020 ใช้วัสดุด้านหน้าเป็นโลหะ แต่ไม่ต้องกลัวว่าไฟจะดูด เพราะยังมีส่วนยางที่ทำหน้าที่เป็นฉนวนกันไฟฟ้าอยู่ด้านหลัง ตัวลายของ SSD ถูกกะเทาะลายให้มีความโค้งมนสวยงาม ไม่ดูเหลี่ยมเกินไปเหมือนกับ My Passport 2020 ที่เป็นฮาร์ดดิสก์ปกติ แต่เห็นรูปร่างหน้าตาแบบนี้ สามารถทนทานการตกกระแทกได้สูงถึงสองเมตรเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับผู้เขียนที่สูงประมาณ 180 ซม. อยู่แล้ว ต่อให้หล่นจากขาไปถึงพื้น ก็ไม่น่าจะสร้างความเสียหายอะไรให้กับตัว SSD มากนัก

ด้านขนาด My Passport SSD 2020 ตัวนี้มาในรูปทรงที่เรียกว่าค่อนข้างเล็กกว่าเวอร์ชันเก่ามาก (ของเก่าจะเป็นแท่งยาว ๆ ประมาณ 3/4 ของ iPhone X) ขนาดโดยรวมพอ ๆ กับบัตรเครดิตหนึ่งใบ ส่วนความหนานั้น ก็เอาบัตรเครดิต 5-6 ใบมาเรียงซ้อนกัน เท่านี้ก็น่าจะพอจินตนาการออกแล้วนะครับ

รอบตัว SSD ทั้งตัวมีแค่ช่องต่อ USB-C เพียงช่องเดียว ไม่มีไฟแสดงสถานะเหมือนกับ External Harddisk ปกติ


สายต่อของตัว SSD ตัวนี้ ก็ยังเป็นเหมือน My Passport SSD ก่อนหน้า นั่นคือให้สาย USB-C แบบสั้น 1 เส้น พร้อมตัวต่อ USB-A อีกหนึ่งชิ้น เพื่อใช้แปลงไว้เชื่อมต่อกับเครื่องที่ไม่รองรับ USB-C

ฉะนั้นแล้วในภาพรวมของขนาด ตัว SSD และอุปกรณ์เสริมของ My Passport SSD 2020 ก็ยังคงเหมือนกับเวอร์ชันเดิมไม่มีผิด มีเพียงแค่ขนาดตัว SSD ที่มีขนาดเล็กลงจากเวอร์ชันเดิมแบบชัดเจน ก็ต้องบอกตามตรงว่ารายละเอียดอุปกรณ์อาจจะแตกต่างจาก WD_Black ที่ให้สายแยกกันสองเส้น แต่เพราะการใช้สองเส้นมันมีจุดประสงค์ต่างกัน แต่สำหรับ My Passport นั้นก็ต้องถือว่าเป็นตระกูลสำหรับการใช้งานปกติ ไม่ได้ใช้หนักหรือหักโหมเหมือนรุ่นอื่น จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้สายแยกเพิ่มแต่อย่างใด
ในส่วนของรายละเอียดการแกะกล่องและรอบตัวก็มีเท่านี้ เรามาเสียบสายใช้งานกันเลยแล้วกัน
เริ่มต้นใช้งาน

หลังจากเสียบสาย รอกระบวนการทางซอฟต์แวรนิด ๆ หน่อย ๆ เราก็จะได้ SSD พร้อมใช้งานทันที ตัวฮาร์ดดิสก์ฟอร์แมตมาเป็นระบบไฟล์แบบ ExFAT เช่นเดิม สามารถใช้งานร่วมกับ Windows หรือ macOS ได้ทันทีโดยไม่ต้องรออะไร และเช่นเคย เมื่อเป็น My Passport สำหรับเครื่องที่มี WD Discovery อยู่แล้ว ก็จะเรียกใช้งานส่วนเสริมของตัว SSD ได้ทันทีโดยไม่ต้องทำอะไร

เช่นเดียวกับ My Passport รุ่นอื่น ๆ ตัว WD Discovery จะสามารถตั้งค่า SSD ได้แบบละเอียด เช่น ตั้งรหัสผ่าน เข้ารหัสไฟล์ แต่ของใหม่จริง ๆ ที่เพิ่มเข้ามาใน My Passport SSD 2020 คือการรองรับ UAS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการโอนถ่ายไฟล์ความเร็วสูง ทำให้ผู้ใช้ macOS สามารถโอนถ่ายไฟล์ไปยัง SSD ได้รวดเร็วกว่าบน Windows

ถ้า UAS เข้ามาช่วยให้ macOS สามารถโอนถ่ายไฟล์ได้เร็วกว่า คำถามคือแล้วความเร็วในการโอนถ่ายไฟล์ปกติล่ะ? ตัว My Passport SSD เขียนบนหน้ากล่องว่าโอนถ่ายไฟล์ได้เร็วสุด 1,050 MB/s เมื่อใช้ร่วมกับสาย USB 3.2 แต่ด้วยข้อจำกัดของอุปกรณ์ (นั่นคือ MacBook Pro 2016) เราเลยได้ทดสอบกันบน USB 3.1 และผลก็ออกมาเป็นแบบนี้

จากการทดสอบ ผลคือตัว SSD มีความเร็วในการอ่านไฟล์ที่ 1035.51 MB/s และมีความเร็วในการเขียนที่ 986.69 MB/s ถือว่าเป็น SSD ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วในการใช้งานปกติ

ในส่วนของความเร็วในการอ่านไฟล์วิดีโอความละเอียด 4K โดยใช้โปรแกรม AS SSD Benchmark ถือว่าทำได้ไม่เลว โดยมีความเร็วในการอ่านไฟล์ที่ 10.98 MB/s เมื่อใช้ซีพียูคอร์เดี่ยว และ 131.75 MB/s เมื่อใช้ซีพียูเต็มกำลัง โดยมีค่าความหน่วงเวลาเพียง 0.347 ms เรียกว่ากดปุ๊ป มาปั๊บ ในทุก ๆ ฉากทุก ๆ ตอน
กล่าวโดยสรุปแบบสั้น ๆ เลยว่า My Passport SSD 2020 ถือเป็น External SSD ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพปกติได้อย่างเหมาะสม แม้จะไม่ได้โดดเด่นเท่า WD_Black ที่มีความเร็วในการอ่าน/เขียนไฟล์ที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ถือว่าทำได้ดีในกลุ่มฮาร์ดดิสก์สำหรับการใช้งานทั่ว ๆ ไป
ส่งท้าย

อย่างที่ได้กล่าว ๆ ไว้ในบทความรอบก่อน ๆ ว่า การเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์หนึ่งลูก มันก็เสมือนกับการเลือกซื้อความอุ่นใจในอีกรูปแบบหนึ่ง และเช่นเดียวกับ My Passport SSD 2020 ตัวนี้ ก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจที่จะเข้าไปลงทุนเพื่อซื้อความอุ่นใจในการเก็บไฟล์ เพราะด้วยนอกจากเทคโนโลยีแบบเดียวกับบน My Passport Ultra แล้ว ตัว WD ยังมอบความอุ่นใจในข้อมูล โดยรับประกันว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้อมูลลูกค้าจะไม่หาย ด้วยประกันภัยข้อมูล และบริการกู้ข้อมูลหากตัว SSD ได้รับความเสียหาย ดังนั้นแล้วราคา 5,590 บาท เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มา ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่าในระดับหนึ่ง และด้วยตัวแบรนด์ WD ที่มีความน่าเชื่อถือในการผลิต SSD แล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มักทำอะไรให้เราตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว
ใครที่อ่านมาจนจบแล้วเริ่มอยากหา My Passport SSD มาเป็นเจ้าของ สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายของ WD และ Synnex ประเทศไทย ในความจุ 1 TB ราคา 5,590 บาท มาพร้อมการรับประกันหลังการขาย 3 ปี รับประกันกรณีตัว External SSD ได้รับความเสียหายจาก AIG 1 ปี และบริการรับประกันข้อมูลในอุปกรณ์ในกรณีข้อมูลสูญหายหรือเสียหายจาก Ontrack ในแพ็คเกจ Lite อีก 1 ปี
และพิเศษสำหรับช่วงนี้ เมื่อซื้อ My Passport SSD 2020 ที่ตัวแทนจำหน่ายของ WD/Synnex ทุกแห่ง รับเงินคืนสูงสุด 500 บาท เพียงนำ External Harddisk หรือ Flashdrive ตัวเก่ามาส่งคืน โดยลงทะเบียนเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของ WD ภายหลังจากซื้อสินค้า ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายนนี้เท่านั้น