ลองแล้วเล่า

ลองแล้วเล่า : AIS Next-G “เมื่อ 4G ผสานร่างกับ Wi-Fi ประสบการณ์ใหม่จึงเกิดขึ้น”

เมื่อทุกคนเข้าถึง Internet ได้ พัฒนาการของอุปกรณ์ที่ใช้งาน ความเร็วของ Internet ค่อยขยับขึ้น ก้าวกระโดดขึ้นไปเรื่อย เมื่อนึกถึงชีวิตประจำวันของทุกคน รวมถึงตัวผมเองด้วย คงใช้เวลากับ Smartphone / Tablet นอกสถานที่ หลายชั่วโมงอยู่ ความคาดหวังการใช้ Internet กับเครือข่ายต่าง ให้เร็ว ลื่น แรง ไม่สะดุด ก็เพิ่มขึ้นตาม Content กับความสามารถของเครื่องไปเรื่อย

เพื่อตอบสนองความต้องการได้มากขึ้น AIS จึงนำเทคโนโลยีการรวมสัญญาณ AIS 4G เข้ากับ AIS Super Wi-Fi ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยใช้ชื่อว่า Next-G โดยเมื่อรวมกันแล้ว สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 1Gbps และตั้งแต่เปิดให้ลูกค้า AIS ใช้กันเมื่อ 17 สิงหาคมที่ผ่าน ตัวผมกับ Galaxy S8+ สีทองที่อยู่กับผมมา 2 สัปดาห์ ให้ประสบการณ์ Next-G กับผมอย่างไรบ้าง ผมอยากให้ทุกคนเลื่อนจออ่านกันต่อได้เลยครับ ^^

Next-G คืออะไร? เปิดใช้งานอย่างไร?

ถ้าให้พูดกันตามตรง Next G คือชื่อเรียกของเทคโนโลยีเครือข่ายในยุคก่อนที่มาตรฐานกลางของ 5G จะเสร็จสิ้น โดยเกิดขึ้นจากความร่วมมือในการพัฒนาเครือข่ายระหว่าง AIS กับเครือข่าย KT ของเกาหลีใต้ ด้วยการใช้เทคนิค Multipath TCP ในการเชื่อมช่องสัญญาณของ AIS 4G Advanced และ AIS Super WiFi เข้าด้วยกันที่ระบบหลังบ้านของ AIS แล้วจึงมัดสัญญาณรวมกันด้วย IP ของช่องสัญญาณใดสัญญาณหนึ่งเพียงหมายเลขเดียว เพื่อเร่งความเร็วของอินเทอร์เน็ตให้เร็วขึ้น ดาวน์โหลดและอัปโหลดไฟล์ได้เร็วเพียงเสี้ยววินาที และยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดาวน์โหลดไฟล์ไม่ได้เนื่องจากระบบมองเห็น IP ของเครื่องเดียวกันส่งออกมาถึง 2 IP เหมือนที่ฟังก์ชัน Download Booster ของ Samsung Galaxy เคยพบปัญหามาก่อน

การเปิดใช้งาน Next G ทำได้โดยการเปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ต เชื่อมต่อกับเครือข่าย AIS Super WiFi ผ่าน AIS Smart Login จะทำให้ต่อ Wi-Fi แบบอัตโนมัติทุกครั้งที่จับสัญญาณได้

จากนั้นเข้าไปที่เมนู Next G ในตัวเครื่อง แล้วกดเปิด Next G ให้เป็น On ระบบจะส่งข้อมูลไปตรวจสอบที่เซิร์ฟเวอร์ของ AIS เพื่อดูว่าหมายเลขนี้มีแพ็คเกจที่รองรับการใช้งาน Next G ได้หรือไม่ ถ้าได้ ระบบจะแสดงสัญลักษณ์ Next G ขึ้นมาบนหน้าจอ แต่ถ้าไม่ได้ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ใช้ว่าไม่มีแพ็คเกจที่รองรับบริเวณกลางหน้าจอ

เมื่อเครื่องเชื่อมต่อทั้ง 4G กับ Wi-Fi พร้อมกันสำเร็จ เปิดการตั้งค่าสำเร็จ สัญลักษณ์แถบสัญญาณที่จอ จะแสดง NEXT-G เป็นอันว่าพร้อมใช้งานแล้ว ส่วนเครื่องที่รองรับในตอนนี้ มีเพียง Samsung ทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ Galaxy S7 / S7 Edge / S8 / S8+ และ Note 8 โดยในอนาคต Smartphone ฝั่ง Android ยี่ห้ออื่น รวมถึง iOS ก็สามารถรองรับ Next-G ได้เช่นกัน

ใช้งานเป็นอย่างไร?

การเชื่อมต่อ Next G หลังจากตั้งค่าเรียบร้อยแลัว จะมีการเชื่อมต่อให้อัตโนมัติทุกครั้งที่จับสัญญาณทั้ง 4G / Wi-Fi ได้พร้อมกัน แต่ก็มีบางครั้งที่ AIS Smart Login อาจไม่สามารถเชื่อมต่อได้สำเร็จ แนะนำให้ผู้ใช้งานรอสักครู่ หรือทำการปิด เปิด Wi-Fi ใหม่สักรอบก็ได้เช่นกัน แต่ในการใช้งานจริง การเชื่อมต่ออัตโนมัติทำได้ในเกณฑ์ที่ดี แต่ยังมีหลายครั้งที่ระบบ Wi-Fi ไม่สามารถเชื่อมต่ออัตโนมัติได้ ซึ่งหากแก้ไขให้เสถียรจริง การเชื่อมต่อ Next G เมื่ออยู่ในพื้นที่ใช้งานเมื่อจับสัญญาณอัตโนมัติจะดีกว่านี้แน่นอน

ความเร็วในการใช้งานที่ AIS ตั้งเอาไว้กับเทคโนโลยีนี้อยู่ที่ 1Gbps แต่ในการใช้งานจริง ความเร็วเฉลี่ยที่ทำได้ อยู่ในช่วง Download ที่ 250-500 Mbps / Upload 120-300 Mbps ซึ่งเพียงพอกับการใช้งานทุกอย่างผ่าน Smartphone ไม่ว่าจะการโหลดข้อมูล ส่งข้อมูลออกไป

แต่ข้อสังเกตที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ Next-G จากการใช้งานจริง นั่นคือ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝั่ง 4G หรือ Wi-Fi มีปัญหาเรื่องความเร็วหรือความเสถียร เวลานั้น ความเร็วที่ได้อาจจะไม่ได้เร็วต่างไปกับ 4G เดียว หรือ Wi-Fi แบบเดียว ซึ่งความรู้สึกว่าเร็วไม่ต่างกันนี้ จะชัดเจนสุดเมื่อทำการทดสอบความเร็วเท่านั้น

ในการใช้งานปกติที่พบได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะการโหลด / ส่ง / ดูวีดีโอแบบสด ซึ่งทั้งหมดต้องใช้พละกำลังของความเร็วอินเตอร์เน็ตที่สูงพอ ถึงจะให้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีได้ Next-G สอบผ่านหมด ทำได้เหนือกว่า 4G เดียว ในเรื่องระยะเวลาในการโหลด / ส่ง / ดูวีดีโอสด อันนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่า เร็วกว่า คล่องกว่า แต่ถ้านำไปเทียบกับ AIS Super Wi-Fi เดียว จะพบว่าแทบไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับเวลา และสถานที่ใช้งานเป็นหลัก

สรุป

โดยสรุปแล้ว AIS Next-G ถ้าใข้แพ็คเกจที่รองรับอยู่แล้ว ไม่ต้องสมัครเพิ่ม ก็เหมือนติดอาวุธให้กับ Smartphone ของเราเชื่อมต่อโลกได้เร็วขึ้น มีหลักประกันความเร็ว ความเสถียรที่มากกว่า แต่ถ้าชีวิตใช้แพ็คเกจ 499-899 บาท แล้วชีวิตสงบสุขดีอยู่แล้ว การอยู่กับ Super Wi-Fi เวลากินมื้อเย็นร้านดัง เข้าห้างฯ ก็น่าจะเพียงพอกับการใช้งานโดยปกติ เพราะยังไงแล้ว เงื่อนไขการใช้ AIS Next-G โดยส่วนใหญ่ ก็ต้องอยู่ในพื้นที่ของ 4G+Wi-Fi ซึ่งที่ มีสองอย่างนี้พร้อมกันในที่เดียวกัน AIS Super Wi-Fi เดียว ก็สามารถรองรับการใช้งานโดยทั่วไปของลูกค้าได้สบาย อยู่แล้ว

อ้าวแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร มีแน่นอนครับ การมีตัวเลือกใช้งานมากกว่าแค่ 4G อย่างเดียว หรือ Wi-Fi อย่างเดียว ย่อมดีกว่าแน่นอน เมื่อรวมร่างกันแล้ว ก็พอจะเป็นการรับรองได้ว่า ถ้าฝั่งใดฝั่งหนึ่งใช้งานได้ไม่ดีนัก การรวมสองเป็นหนึ่ง จะทำให้การใช้งานต่อเนื่องสม่ำเสมอได้เช่นกัน แต่สิ่งที่จะทำให้ AIS Next-G เป็นแค่ของเล่น มากกว่าเป็นของใช้ ก็คงจะข้อจำกัดของพื้นที่ใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ที่ๆ มี AIS Super Wi-Fi กับ 4G ในบริเวณเดียวกัน มักเป็นห้างฯ ร้านอาหารสาขาเจ้าดัง และใกล้ตัวหน่อยก็ Starbucks ซึ่งนั่นแหละว่า พื้นที่ให้บริการที่ Next-G ไปถึง มีน้อยมาก เมื่อเทียบกับพื้นที่ให้บริการของ AIS ทั้งประเทศ Next-G จึงเหมาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

ส่วนตัวผมแล้ว ผมอยากให้ AIS แจก Next-G ให้กับลูกค้า AIS ที่ซื้อเครื่อง Samsung รุ่นที่รองรับ Next-G ใช้ฟรีสักระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ลองสัมผัส เพื่อเกิดการรับรู้ในวงกว้างมากกว่านี้ หรือไม่แล้ว AIS ก็ควรเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าที่สามารถใช้ Next-G ให้มาครอบคลุมถึงแพ็คเกจสัก 899 ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ยังพอจะเป็น Power User ที่ชอบเล่นเทคโนโลยีใหม่ ได้สามารถใช้งานด้วย ซึ่งงบที่นำมาแจกให้ลูกค้ากลุ่มกว้างขึ้นได้ลองใช้ น่าจะเป็นผลดีกว่าการทำ Ad ที่เอาพรีเซ็นเตอร์มาวิ่งผ่านลำแสงแล้วบอกว่าเร็ว

ย่อหน้าสุดท้ายก่อนถึงตรงนี้ ผมอาจจะความรู้สึกหนักไปหน่อย แต่เพราะผมก็อยากให้เทคโนโลยีพวกนี้ เห็นผลกับผู้ใช้ในวงกว้างผ่านประสบการณ์ใช้งานจริง มากกว่าการทำ Ad ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป หรือแค่อ่านจากบทความที่ผมทดลองนี้

เพราะผมเชื่อว่า เทคโนโลยีที่ใช้จริง มีคุณค่าในตัวโดยไม่ต้องโฆษณาหรือพรรณาครับ ^^

คณะแกดกวน #teamgadguan

ดลกุล เนตรรัตนากุล (zipboy)

ชื่อเต๋า อายุหลัก 3 ชอบของเล่นไฮเทคทั้งหลาย แต่ไม่ค่อยจะได้เล่น ต้องไปยืมชาวบ้านมาลอง เป็นกรรมกรประจำ #TeamGadGuan รักที่จะเขียน และรักคนอ่านครับ^^