ลองแล้วเล่า

ลอง(นิดหน่อย)แล้วเล่า : Galaxy A52 / A72 “แตกต่างอย่างเหมือนกัน”

เช้าวันที่ 18 มีนาคม 2564

วันสดใสที่โกลาหลเกินควบคุมอีกวัน อากาศก็ร้อนซะจนทำเอาผมแทบยืนไม่ไหว สารภาพไว้ก่อนเลยว่า ถ่ายเทป “ลอง(นิดหน่อย)แล้วเล่า” ที่จะได้ชมในบทความนี้ ผมจะพูดผิด ๆ ถูก ๆ ไปเยอะมาก สิ่งเดียวที่ผมคิดว่า พอจะชดเชยความรู้สึกทำงานไม่ดีพอตอนนี้ คือกลับมาเขียนเล่าให้ฟังอย่างที่ผมถนัดนี่ละครับ

ย้อนกลับไปเล็กน้อย คืนวันที่ 17 มีนาคม Samsung เปิดตัว A52 กับ A72 ที่ถือเป็นรุ่นสำคัญในการทำตลาดแบบเน้นวงกว้างในแบบที่ค่ายนี้ถนัด ปี 2020 ที่ผ่านมา Galaxy A ถือเป็นมือถือ Android ที่มีประชากรมากที่สุดในตลาด ด้วยสิ่งที่ได้เทียบกับราคา สามารถเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า มั่นใจได้ในการจะซื้อ Smartphone ที่คนทั่วโลกยอมรับ

เมื่อ Galaxy A สำคัญกับ Samsung แบบนี้ A32 5G ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า ก็ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมการใช้งาน 5G ให้เข้าถึงได้ง่าย มาที่ A52 กับ A72 ที่จะเล่าถึงครั้งนี้ คือสะพานเชื่อม “เทคโนโลยีรุ่นท็อป ในราคาที่เอื้อมถึง” แบบที่ A ในรุ่นก่อน ๆ ทำให้ลูกค้า Samsung เสมอมา

ซ้าย Galaxy A72 ขวา Galaxy A52

ประโยคต่อไปนี้ที่จะพิมพ์ คือข้อสรุปง่าย ๆ จากสัมผัสแรกที่ผมมีต่อ A52 / A72 จริง ๆ ทั้งคู่มีความแตกต่างเล็กน้อย แต่ความแตกต่างที่มี เมื่ออยู่ในมือแล้ว กลายเป็นความเหมือนกันจริง ๆ เริ่มที่ตัวเครื่อง ถึง A72 จะให้จอมา 6.7 นิ้ว แต่ A52 ให้จอมา 6.5 นิ้ว พอทั้งคู่ใช้ความละเอียดที่เท่ากันคือ FHD+ ขนาดที่ห่างกันเล็กน้อย กรอบจอที่ทรงเดียวกัน มิติกว้างกับสูงของจอที่ไม่ต่างกัน ติ่ง Infinity O เหมือนกัน พอใช้งานแล้ว ถ้าเอาแนวตั้งแบบมือถือ ก็อ่านได้เต็มตาพอกัน พอแนวนอนเพื่อความบันเทิง ก็ไม่ได้ต่างจนรู้สึกว่า​ A52 เล็กไป หรือ A72 ใหญ่กว่าชัด ๆ

มาที่ตัวเครื่อง ทั้งคู่ใช้งานออกแบบที่เหมือนกัน คือเครื่องทรงแบน สันกลางไม่หนา กล้องที่นูนแบบกลมกลืนกับฝาหลัง สีเครื่องสี่สีที่จำง่าย ๆ ว่า Awesome แล้วเติมต่อท้ายว่า Black / Blue / Violet / White ที่มาโทนด้านแล้วดูดีแบบ Galaxy S21 Series ทำให้ภาพรวมของหน้าตาเครื่อง ผมรู้สึกว่านี่คืออีกครั้งที่ A Series ทำมาดูจบ กลิ่นอายความราคาย่อมฯ น้อยกว่า A ในบางรุ่น รวมถึง A52 / A72 ให้น้ำหนักการจับถือที่ ข้ามเส้นคำว่าเครื่องเบา แต่ไม่ถึงคำว่าหนัก เพราะการจัดวางเครื่องโดยรวม ไม่มีถ่วงพิเศษ หรือจุดที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเครื่องถือได้ไม่ดีนั่นเอง

กลับมาที่หน้าจอสักหน่อย ด้วยความที่ทั้งคู่ใช้ Super AMOLED ถึงกระจกหน้าจอจะไม่ได้พิเศษเท่ารุ่นท็อป แต่จอที่สวย ใช้อ่าน ใช้ดู ได้ดีแบบมือถือท็อป ก็พอหวังกันได้ รวมถึงมุมมองการดู การสู้แสงแดด ก็ทำได้ดีขึ้นตามเทคโนโลยีด้วย รวมถึงเป็นครั้งแรกที่ A Series ได้การทำงานหน้าจอที่ลื่นไหลถึง 90Hrz ใน A72 และ 120Hrz ใน A52 ที่พอเปิดใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะเลือกเครื่องไหน ความลื่นไหลที่ให้มาก ดีพอให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าเครื่องทำงานไว ตอบสนองลื่นขึ้น ต่อให้จับผิดแบบตั้งใจสุด ๆ ก็ต้องเป็นคนที่จับมือถือมาเยอะมาก ๆ พอ ที่จะมองได้ละเอียดว่ามันต่างกันอยู่ แถมนิดนึงกับระบบเสียง ก็เป็นอีกจุดที่น่าประทับใจมาก ลำโพงให้ความแน่น กังวาน ขนาดเปิดในที่กลางแจ้งแบบเกือบสุด ก็ดังพอให้คนที่อยู่ห่างกันสักเมตรนึงได้ยินว่า เรากำลังเปิดอะไรอยู่

มาที่กล้องถ่ายรูปบ้าง ไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหน ก็ได้จะได้กล้องที่เหมือนกัน กล้องหลัก 64MP ทำหน้าที่ถ่ายรูปได้ดี ให้คุณภาพเหมือนใช้ Galaxy S แถว ๆ S10 / S10+ ไม่ใช่แค่คุณภาพ แต่การทำงานกล้องก็ดีแบบไม่อิดออด เพราะการลอง Space Zoom 30X ผมกะว่ามันต้องออกมาแบบ ง่วง ๆ หลุด ๆ หนืด ๆ แต่ผิดคาด มันกลับเหมือน S21 จำแลงมาทำงานเอง มาที่การถ่ายมาโครด้วยเลนส์ ระยะ 2-5 CM อาจไม่ได้ถ่ายแบบทะลุถึงอนุภาค อย่างที่มือถือ Android หลายแบรนด์กำลังแข่งกัน แต่ก็ดีพอสำหรับการเก็บภาพดอกไม้สวย ๆ แมลง หรืออากัปกริยาสัตว์เลี้ยงที่เราชอบแบบใกล้พิเศษได้ พอมาที่วีดีโอ คุณภาพไฟล์ การตอบสนองระบบกันสั่น ก็ชวนให้ผมคิดถึง Galaxy S10 / S10+ มาก ๆ แต่จุดที่น่าเสียดายคือ ขณะถ่ายวีดีโอ มีการบิดเบี้ยวของวัตถุที่เกิดจากการลากกล้องให้เห็นได้ชัด ทั้งที่ไม่ได้ลากกล้องไวหรือกระชากอะไรเลย ช่วยปรับซอฟท์แวร์สักนิด จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งมากครับ

อ้อ!!! กล่องของ A52 / A72 ให้ที่ชาร์จที่รองรับ fast charge มาด้วยนะครับ แต่ไม่แถมหูฟังให้ (เครื่องยังมีช่องหูฟัง 3.5mm)

ส่งท้าย “หยิบเครื่องไหนมาเล่น ก็ทำได้เหมือนกัน ตัดสินด้วยเงินในกระเป๋าคุณได้เลย”

นี่เป็นครั้งแรกที่ Samsung ทำสินค้า วางราคา แล้วรู้สึกว่าดักให้ทุกตัวขายได้ เพราะจุดขายหลัก ๆ ทั้งหน้าตา จอ เสียง ความเร็ว แรม ความจุ กล้อง ฯลฯ ไม่ได้ให้ประสบการณ์อะไรที่ต่างกัน หรือชวนให้ชี้นำว่าเอาตัวนั้น ตัวนี้ ดีกว่า คุ้มกว่า ถ้า A52 / A72 ชูความคุ้มค่าเป็นจุดขาย ผมคงให้ A52 รุ่นไม่รองรับ 5G เป็นรุ่นที่จ่ายเงินสมเหตุสมผลสุด แต่ถ้าอยู่เมืองกรุงฯ หัวเมือง หรือตารางการใช้ชีวิตประจำวัน เจอแต่ 5G และอยากใช้ 5G อยู่แล้ว เพิ่มเงินนิดเดียวไป A52 5G ก็ได้ แต่การเพิ่มอีกไม่กี่ร้อยเพื่อแบตที่มากกว่าเล็กน้อย ขนาดจอที่เล็กน้อยมาก ๆ ผมรู้สึกว่าเก็บไว้เป็นค่าเคสสวย ๆ ดูจะสมเหตุสมผลกว่า แต่ถ้าชอบเพราะคำว่า “จอใหญ่สุด” ก็ไม่ผิดแต่ประการใด

หรือบางที ถ้าต้องการแค่มือถือจอดูดี กล้องไม่แย่ เครื่องไม่อืด กลับไปคุยกับ A32 5G ที่ราคาไม่ถึงหมื่น ก็ไม่ต้องคิดมากดี เพราะยังไงเงินที่เราจ่าย ก็เข้ากระเป๋า Samsung อยู่ดี : )

คณะแกดกวน #teamgadguan

ดลกุล เนตรรัตนากุล (zipboy)

ชื่อเต๋า อายุหลัก 3 ชอบของเล่นไฮเทคทั้งหลาย แต่ไม่ค่อยจะได้เล่น ต้องไปยืมชาวบ้านมาลอง เป็นกรรมกรประจำ #TeamGadGuan รักที่จะเขียน และรักคนอ่านครับ^^