ลองแล้วเล่า

ลองแล้วเล่า : Infinix Note 8 / 8i “ความคุ้มค่าที่ความสามารถ(แอบ)ดีไม่แพ้รุ่นท็อป”

พูดถึงตลาดสมาร์ทโฟนแล้ว หลัก ๆ เราจะได้เห็นการฟัด การไฝว์กันระหว่างเรือธงของแต่ละยี่ห้อ กับเหล่ากองทัพ iPhone ในแต่ละปีกันอย่างสนุกสนาน และตลาดนี้ถือเป็นตลาดใหญ่ที่ช่วยไดรฟ์ยอดขายแต่ละปีของแต่ละบริษัท และชี้ชะตาว่าอนาคต บริษัทไหนจะรุ่ง หรือบริษัทไหนจะร่วงตามกาลเวลา แต่อีกหนึ่งตลาดที่ไม่พูดถึงก็ไม่ได้เช่นกัน นั่นคือชาวตลาดล่างหรือ Low-End Smart Phone ถ้าคุณมองว่าข้างบนนั้น ฟาดฟันกันอย่างเลือดสาด ถึงขนาดมียกธงขาวไม่เว้นปี ข้างล่างนั้นขอเรียกว่า “อเวจี” เลยก็แล้วกัน เพราะตลาดนี้ดุมาก และมีคู่แข่ง “เยอะ” มากด้วย ไม่ใช่แค่ Apple / Samsung / Sony / Huawei / Oppo หรือเหล่าบิ๊กเนมทั้งหลายที่เรารู้จัก มันยังมีผู้ผลิตรายเล็กและรายย่อยที่ร่วมแจมตลาดนี้กันอย่างดุเดือดทั่วโลก ทั้งจากฝั่งญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา ยุโรป หรือแม้รายใหญ่ของโลกไอทีอย่างจีน อินเดีย และเวียดนาม ไม่เว้นแม้แต่ผู้ผลิตรายย่อยบ้านเราอย่าง Samart i-mobile ก็เคยแจมตลาดนี้มาแล้ว หลายรายต่อสู้และยืนหยัดจนสามารถไปสู้ตลาดบนได้อย่างสูสีก็มี เช่น Huawei / Xiaomi หรือ Samsung ในขณะที่บางราย การพ่ายแพ้ในตลาดนี้คือการม้วนเสื่อออกจากตลาดสมาร์ทโฟนเลย เช่น Samart i-mobile ที่ทำตลาดได้ไม่กี่ปีก็ต้องถอนตัวออกไป และปิดกิจการสมาร์ทโฟนถาวรในเวลาต่อมา (Samart i-mobile ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อมาเป็น บมจ.สามารถ ดิจิตอล และให้บริการติดตั้งโครงข่ายวิทยุโทรคมนาคมแทน)

ตลาด Low-End นอกจากการแจ้งเกิดแบรนด์เล็กสู่บิ๊กเนมแล้ว ตลาดนี้ยังแผลงฤทธิ์ให้โลกได้รับรู้อีกด้วยว่า ไม่ใช่ว่าคนที่ยืนได้บนจุดสูงสุด จะอยู่ในตลาดล่างได้อย่างเต็มภาคภูมิ ตัวอย่างเช่น Sony (Sony Ericsson เดิม) ที่มีชื่อเสียงจากตัวท็อปอย่าง Xperia X1 หรือ Xperia X10 ที่เป็น Android ตัวแรกของบริษัท แต่ที่ผ่านมา บริษัทไม่สามารถบุกตลาด Low-End ได้เลย จนทำให้ต้องแอบถอนตัวออกไป หรือแม้แต่ OnePlus ที่แจ้งเกิดจากตลาด Mid-End จนไปสู่ Flagship ได้สำเร็จ แต่พลาดท่ากับการออกมือถือตลาด Mid ถึง Low-End อย่าง OnePlus Nord ที่ได้เสียงตอบรับแค่ช่วงแรกที่เปิดตัวและหายไปตามกาลเวลา ความผิดพลาดในครั้งนั้นทำให้ OnePlus ต้องกลับไปทำการบ้านใหม่ และผลักตัวกลับไปอยู่ในตลาด Mid-End ตามเดิม ทั้งหมดนี้ผมกำลังจะสื่อให้ทุกท่านเห็นว่า ตลาดล่างเนี่ยมันก็ “ดุเดือดแบบนี้แหละ” ครับ

ตลาดล่าง นอกจากเป็นสังเวียนอเวจี เป็นสถานที่ที่ทำให้บิ๊กเนมต้องถอยทัพ เป็นสถานที่แจ้งเกิดบิ๊กเนมรายใหม่ ๆ แล้วนั้น ยังเป็นสถานที่แจ้งเกิด “แบรนด์เล็ก” อีกมากมาย ในแต่ละปีมีผู้ผลิตรายเล็กผลิตมือถือสู่ตลาดเยอะมาก หลายรายประสบความสำเร็จและก้าวสู่บิ๊กเนมได้ก็มี หลายรายไม่ประสบความสำเร็จจนต้องพลิกแนวธุรกิจก็มี หลายรายเริ่มต้นดีในประเทศบ้านเกิด แต่ตกม้าตายเมื่อออกสู่ระดับ International ก็มี วันนี้ผมเองก็มีแบรนด์ แบรนด์หนึ่งที่จะมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกัน นั่นคือ Infinix แบรนด์มือถือจากประเทศฮ่องกง พูดชื่อนี้หลายคนคงไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า Infinix คือ “Sagem Mobile” ของฝรั่งเศสเก่า ที่เคยออกโทรศัพท์มือถือแนว ๆ หลายรุ่นในไทย หลายคนคงร้อง “อ๋อออออ” ซึ่งตอนนี้ Infinix ขอบุกตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วยมือถือสองรุ่นแรกอย่าง Infinix Note 8 และ Infinix Note 8i ที่เราจะมาลองแล้วเล่ากันในวันนี้

การมาของ Inifnix ในไทยก็ไม่ธรรมดา เพราะเค้ามาเหมือนกับรายใหม่ ๆ ที่ขอบุกตลาดไทยด้วยการขายผ่านออนไลน์ และเช่นกัน Infinix บุกตลาดไทยด้วยการนำ Note 8 และ Note 8i ไปขายบนช่องทางออนไลน์ผ่าน Lazada ในราคาที่ถูกมาก ถูกจนไม่น่าเชื่อว่านี้คือราคาของสมาร์ทโฟนที่ทำออกมาเพื่อตลาด Low-End โดยแท้ ซึ่ง ณ วันนี้ Lazada ขายอยู่ที่ 3,899 บาท (Note 8i) และ 4,699 บาท (Note 8) และยังสามารถขายได้เรื่อย ๆ รวมถึงมีรุ่นใหม่ ๆ มาสมทบตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เรียกได้ว่านี่เป็นมือถือที่แจ้งเกิด Infinix ในไทยได้สำเร็จอย่างแท้จริง

ความพิเศษของ Note 8 และ Note 8i มันจะเป็นอย่างไรนั้น ก่อนจะเข้าเรื่องหลัก ต้องขอบคุณทาง Infinix Thailand ที่ส่งเครื่องมาให้เล่นกันร่วมเดือนเลยทีเดียว ณ ที่นี้ด้วยครับ อะ … ว่าแล้ว เรื่องมันเป็นแบบนี้…

รูปร่าง หน้าตา เป็นไง๊ เป็นไง

เข้าเรื่องกันที่หน้าตากันก่อน Infinix Note 8 และ Note 8i เป็นมือถือทรง Slate Phone ทั่วไป ด้านหน้าเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ โดยที่ Note 8 มีหน้าจอใหญ่ 6.95 นิ้ว ส่วน Note 8i ใหญ่ 6.87 นิ้ว ขอบ Note 8i จะหนากว่าเล็กน้อย Note 8 จะบางกว่า ทำให้เมื่อมองดี ๆ แล้ว Note 8 จะเต็มตามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ตัวจอเป็นจอ IPS-LCD สว่างสูงสุด 480 นิต ความละเอียด HD+ ความหนาแน่นต่อตารางนิ้วอยู่ที่ 258 ppi (Note 8) และ 264 ppi (Note 8i) ตามลำดับ ซึ่งไม่แปลกใจเพราะ Note 8i มีขนาดเล็กกว่า หน้าจอเลยดูละเอียดกว่า Note 8 ทั้ง ๆ ที่สเปคของ Note 8 จะดูสูงกว่าเล็กน้อย

กล้องหน้าของ Infinix Note 8 และ Note 8i เป็นแบบ Punch Hole โดยที่ Note 8 มีกล้องหน้าสองตัว ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล 1 ตัว และ 2 ล้านพิกเซลสำหรับวัดระยะ 1 ตัว ในขณะที่ Note 8i มีกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล 1 ตัว ทั้งคู่รองรับฟีเจอร์ Face Unlock เหมือนกัน โดยที่ Note 8 จะทำได้ดีกว่า เพราะมี Depth สำหรับช่วยวัดระยะผู้ใช้งานด้วย

ด้านหลังเป็นกล้องหลัก โดย Note 8 จะมีความละเอียดอยู่ที่ 64 ล้านพิกเซลที่เลนส์ Wide และ Note 8i มีความละเอียดอยู่ที่ 48 ล้านพิกเซลที่เลนส์ Wide ทั้งคู่มี Macro และ Depth เท่ากันที่ 2 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยถ่ายภาพระยะชัดลึกชัดตื้น และถ่ายมาโคร

ด้านซ้ายเป็นถาดใส่ซิม โดยที่ Infinix Note 8 และ Note 8i เป็นมือถือแบบ Dual-SIM และมีช่อง microSD แยกอีกหนึ่งช่อง ไม่ได้เป็น Combo Slot ที่ซิม 2 แต่อย่างใด

ข้างขวาทั้งคู่เหมือนกัน คือปุ่มปรับเสียงและปุ่ม Power ที่ทำหน้าที่เป็นตัวอ่านลายนิ้วมือสำหรับปลดล็อกเครื่องหรือแอปฯ ต่าง ๆ ที่รองรับการใช้นิ้วปลดล็อก

ที่ชื่นชอบสุดคือ Infinix Note 8 และ Note 8i ให้พอร์ตหลักเป็น USB-C และยังให้ช่องหูฟังมาตามปกติ ไม่ได้ถอดออกแล้วรวมเข้า USB-C ตามสมัยนิยม แสดงให้เห็นว่าลูกค้าตลาดนี้ยังไม่พร้อมขึ้น USB-C เหมือนตลาดทั่ว ๆ ไปที่เค้าขึ้นกันหมดแล้ว

สเปคเครื่องพื้นฐานของทั้ง  Infinix Note 8 และ Note 8i ใช้ชิป MediaTek Helio G80 เหมือนกัน ความเร็วการประมวลผลเท่ากัน ต่างกันที่ Note 8 มีแรม 6 GB แต่ Note 8i มีแรม 4 GB เป็นพื้นฐาน และมีรุ่นพิเศษที่ใช้แรม 6 GB วางขายอยู่ด้วย นอกนั้นทุกอย่างเหมือนกันหมดครับ ฉะนั้นต่อจากนี้ เราจะเล่าประสบการณ์ที่ได้รับ ชนิดที่เทียบเลยว่าเครื่องไหนดีกว่ากัน

เปิดเครื่องซิ๊...

หลังจากดูคร่าว ๆ แล้ว เรามาเปิดเครื่องเริ่มใช้งานกันเลยดีกว่า Infinix Note 8 และ Note 8i ทั้งคู่เหมือนกัน คือใช้ Android 10 ครอบทับด้วย XOS ของ Infinix พูดตามตรง วินาทีแรกที่เปิดขึ้น ผมแอบไม่ปลื้ม UI สักเท่าไหร่ เพราะค่อนข้างรก แถม Boltware เยอะมาก แต่เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องนั้นกัน

ถ้าว่ากันตามตรงแบบไม่อคติ Infinix Note 8 และ Note 8i ให้แอปฯ เบื้องต้นสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันมาค่อนข้างครบ เมื่อเทียบกับมือถือในตลาด Low-End ด้วยกัน ในขณะที่บางยี่ห้อนั้น ยังต้องพึ่งการดาวน์โหลดเพิ่มจาก Store ด้วยซ้ำไป สำหรับ Infinix เอง นอกจากมี Google Play Service มาให้ตั้งแต่ต้น ก็ยังมี Palm Store ของ Infinix สำหรับให้เข้าไปดาวน์โหลดแอปฯ ต่าง ๆ ในเครื่องเพิ่มได้อีกด้วย

ใน Store ส่วนใหญ่ก็มีแอปใช้งานทั้งหลายให้เลือกดาวน์โหลดได้เพิ่มเติม ไม่เว้นแม้แต่เกม ก็มี AHA Games ที่ทำหน้าที่เป็น Game Store ให้ดาวน์โหลดเพิ่มเติมอีกต่างหาก เรียว่าสะดวก ครบรส ครบเครื่องจริง ๆ

ข้อเสียอย่างเดียวของระบบ Palm Store และ AHA Games ของ Infinix คือมันส่งโฆษณาบ่อยมาก มากถึงมากที่สุด ชนิดที่ทิ้งโทรศัพท์วันเดียว ตื่นมา หน้าจอเต็มไปด้วย Notification ระดับที่เครื่องหลักของผมอย่าง iPhone ยังอาย ขอร้องนะครับ (รวมถึงค่ายอื่น ๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ Infinix) อย่าหาทำเลย ไม่ไหวจริง ๆ กับโฆษณาแบบนี้

มาที่เรื่องอื่น ๆ กันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการเล่นเกม เพราะ Infinix Note 8 และ Note 8i แสดงตัวเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับการเล่นเกมตั้งแต่ต้น XOS จึงมีสิ่งที่เรียกว่า Game Booster แถมมาให้ด้วย ผมลองเอาไปเล่นหลายเกม ไม่ว่าจะเป็น League of Legends: Wild Rift, Mobile Legends Bang Bang, Free Fire, CookieRun: Kingdom หรือเกมออนไลน์ใหญ่ ๆ อย่าง Lineage 2 M หรือ Black Dessert สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ Infinix Note 8 และ Note 8i ให้พลังการประมวลผลสำหรับการเล่นเกมที่ดีมาก และการจัดสรรทรัพยากรเครื่องก็อยู่ในระดับที่ไม่น่าเกลียดด้วย เมื่อเทียบกับความเป็นมือถือเพื่อการเล่นเกม ฉะนั้นแล้วสิ่งที่ผมได้รับจากการเล่นเกม แม้อาจจะสู้รุ่นท็อปที่สเปคแรงกว่า เช่น Samsung Galaxy Note 20 Ultra หรือ iPhone 12 Pro Max ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าครบเครื่องสำหรับคนที่หามือถือเพื่อการเล่นเกมโดยที่มีงบประมาณจำกัด

นอกจากการเล่นเกมแล้ว การดูหนัง ฟังเพลง ก็ทำได้ไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก เพราะตัวจอของ Note 8 และ Note 8i ไม่ได้มีความละเอียดสูงมาก และตัวจอก็ไม่ได้สู้แสงมากด้วย จากค่า Peak Brightness ที่ทำได้สูงสุดเพียง 480 นิต ทั้งคู่ แต่ระบบเสียง ยอมรับว่าการเลือกใช้ DTS Surround แทน Dolby Atmos ที่ใช้กันในสมาร์ทโฟนหลาย ๆ ยี่ห้อ เป็นความคิดที่ไม่เลว แม้ลำโพงจะไม่ได้ดีมากในระดับแอบเข้าขั้นเลวร้าย เพราะตัวลำโพงมีแต่เสียงดัง แต่มิติไม่ได้ แต่เมื่อเชื่อมต่อหูฟังที่ใช้ประจำแล้ว พบว่าเสียงที่ได้จาก Note 8 และ Note 8i มีความสดใสและกังวานพอ ๆ กับการใช้มือถือรุ่นระบบเสียงดี ๆ ฟังเพลงเลยทีเดียว ฉะนั้นเรื่องความบันเทิง สบายใจได้ เพียงมีหูฟังดี ๆ เรื่องฟังเพลงทั้งหมดก็หายห่วงสำหรับ Infinix Note 8 และ Note 8i

แอปฯ พื้นฐานที่ Infinix ติดตั้งมาในเครื่อง ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานโดยปกติ เช่น เช็คอีเมล เช็คปฏิทิน จัดการตารางงาน และท่องเว็บเป็นต้น แต่หากใครรำคาญแอปฯ ที่มาในเครื่อง Infinix ก็ไม่ได้ใจร้ายเกินไป เพราะในเครื่องยังมี G Suite ให้ใช้งานครบ ทั้ง GMail, Google Calendar, Google Drive, Google Duo เป็นต้น รวมถึงยังสามารถติดตั้งแอปฯ อื่น ๆ เช่น Microsoft Office, Zoom, Microsoft Teams จากทั้ง Palm Store และ Play Store ได้ตามปกติ ยิ่งสายแชทที่ใช้ Whatsapp คุยเป็นหลักยิ่งหายห่วง เพราะตัว XOS มีการนำ Whatsapp ผสานเข้าระบบเต็มตัว ทำให้สามารถใช้งาน Whatsapp ได้สะดวกกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน แต่ไม่ใช่ว่าแอปฯ​ ตัวอื่น ๆ จะไม่รองรับ ลง FB Messenger, Line, Skype เพื่อใช้งานก็สามารถใช้ได้ตามปกติ ไม่มีเสียหายแต่อย่างใด

คร่าว ๆ ในพาร์ทนี้ เรียกว่า XOS ของ Infinix ทำออกมาได้ค่อนข้างลงตัว แม้จะมีข้อเสียตรงที่มีแอปฯ น่ารำคาญเยอะไปหน่อยเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน แต่นี่อาจจะเป็นเรื่องปกติของตลาด Low-End เพราะส่วนใหญ่คนที่ซื้อ ไม่ได้มีความรู้หรือมีประสบการณ์เยอะเท่าคนซื้อมือถือระดับ Flagship ความต้องการขั้นพื้นฐานของตลาด Low-End คือความครบเครื่องและพร้อมใช้งานตั้งแต่วินาทีแรก ซึ่งแบรนด์ต่าง ๆ ก็ทำได้เช่นกัน แต่อาจไม่ได้ดีเท่า Infinix ที่มีแอปฯ ให้พร้อมใช้งานเยอะกว่าค่ายอื่น ๆ แบบชัดเจน

ถ่ายรูปกันเถอะ!

มาที่เรื่องกล้อง Infinix Note 8 และ Note 8i ให้กล้องหลักความละเอียดสูงไม่เท่ากัน คือ Note 8 ให้กล้อง 64 ล้านพิกเซล Note 8i ให้กล้อง 48 ล้านพิกเซล ทั้งคู่มี AI สำหรับช่วยปรับรายละเอียดภาพให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ตรงจุด รวมถึงมี Image Compression ที่ช่วยลดขนาดไฟล์ให้เล็กลงโดยที่ภาพไม่เสียความละเอียด และมี Eye AF สำหรับถ่ายตัวแบบที่เป็นคนโดยเฉพาะ

ช่างโชคร้ายที่ช่วงที่ได้เครื่องมา กรุงเทพฯ เกิดโควิดระบาดระลอก 3 พอดี เลยไม่ได้ลองฟีเจอร์ Portrait Mode ที่โม้ไว้เยอะมาก แต่ก็มีภาพถ่ายจากทั้งเลนส์หลัก และเลนส์ Macro มาเปรียบเทียบให้ดูกัน ว่าแล้วตีตั๋วไป อิเกีย บางนา แล้วเดินเล่นที่สวนด้านหลังโลด

เริ่มที่ Note 8 ที่ความละเอียดกล้องเยอะกว่า ตัวภาพที่ได้เรียกว่าค่อนข้างจบได้ที่หลังกล้อง ภาพมีความคมชัดมาก แทบไม่เสียรายละเอียด แม้ขนาดไฟล์จะเล็กเฉลี่ย 9-10 MB (เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นที่มีกล้องความละเอียด 64 ล้านพิกเซล และมีไฟล์ใหญ่ระดับ 10-15 MB โดยเฉลี่ย) และเมื่อตัดมาที่เลนส์ Macro ตัวกล้องให้รายละเอียดภาพที่ค่อนข้างคมชัด แม้ถ่ายในระยะ 4 เซ็นติเมตร เรียกได้ว่าเอาไปถ่ายดอกไม้ หรือถ่าย Close-up ก็ได้ภาพที่ชัดและดูยั่วยวน โดยเฉพาะเมื่อถ่ายอาหารเอาไปยั่วเพื่อนที่กำลังใส่หน้ากากลดน้ำหนักอย่างบ้าคลั่ง

ด้าน Note 8i แม้ความละเอียดกล้องน้อยกว่า แต่ภาพก็ได้ละเอียดและคมชัดไม่แพ้ Note 8 เลย เลนส์ Macro ก็ให้ภาพที่คมชัด ไม่เสียรายละเอียดเช่นกัน โดยรวมถือว่าทำออกมาดีทีเดียว แม้มีข้อด้อยตรงที่เลนส์กล้องมีขนาดไม่เท่ากันเท่านั้นเอง

สรุปคือด้านกล้อง ใช้ถ่ายรูปกึ่งจริงจังได้ แชร์ลงโซเชียลอวดเพื่อน ๆ ได้ แต่ถ้าจะถ่ายเพื่อเอาขึ้นชิ้นงาน ยังแอบไม่เชียร์ให้นำมาใช้งาน เพราะด้วยความเป็นกล้องมือถือสำหรับตลาด Low-End ความละเอียดภาพอาจจะเยอะสู้รุ่นที่ขายตลาดเรือธงไม่ได้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ แนะนำให้ไป Note 8 ที่มีความละเอียดกล้องเยอะกว่า เพราะความที่กล้องมีความละเอียดสูง อาจจะช่วยทดแทนสิ่งที่หายไปของ Note 8i ได้

ใช้งานได้นานไหมนะ?

แบตเตอรี่ของ Infinix Note 8 และ Note 8i ให้มาเท่ากันคือ 5200 mAh ด้วยความที่สเปคโดยรวมเหมือนกัน ชิปเซ็ตเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกัน ความละเอียดจอเท่ากัน ค่าความสว่างเท่ากัน ทุกอย่างเหมือนกันแบบนี้ บอกเลยครับว่า …. อายุการใช้งาน ก็ “นานเท่ากัน”

ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตัวเครื่องอยู่ได้นานหลักอาทิตย์!!! ใช่ครับ หลักอาทิตย์จริง ๆ ชาร์จครั้งเดียว ใช้งานนิด ๆ หน่อย ๆ ออกเที่ยวบ้าง เล่นบ้าง นู่นนี่บ้าง ตัวเครื่องใช้งานแบบทั่ว ๆ ไป ไม่เน้นการเล่นเกมเลย อยู่ได้ประมาณ 6-7 วัน ถึงจะเริ่มเตือนแบตเตอรี่อ่อน แต่ถ้าเล่นเกมเมื่อไหร่ มีการประมวลผลหนัก ๆ เมื่อไหร่ สิ่งที่ปรากฎออกมาอย่างเห็นได้ชัด คือตัว XOS แอบจัดการพลังงานได้ไม่ดี และเกิดอาการซดแบตบ่อยครั้ง เช่นเล่นไป 10-20 นาที แบตหายไปเกือบ 10% ในขณะที่มือถือรุ่นอื่น เหตุการณ์แบบนี้ หายอย่างมากก็ 5% ก็แอบหวั่นใจว่า Infinix Note 8 และ Note 8i อาจมีปัญหาเรื่องการจัดการพลังงาน ซึ่งคงต้องพึ่งความหวังให้ Infinix แก้ปัญหานี้ในอนาคต

ส่วนการชาร์จกลับ อันนี้ขอติ๊ต่างก่อนว่า หน้าสเปคเขียนว่าทั้งคู่รองรับ Fast Charge 18W และในกล่องให้หัว Fast Charge มา แต่เอาเข้าจริง ๆ สายชาร์จและ Adaptor ที่ให้มา “ชาร์จไม่ติด…” เสียบกับหัวชาร์จ 20W ของ iPhone 12 Pro Max “ก็ไม่ติด….” เสียบกับหัวชาร์จ 18W Samsung “มันก็ยังไม่ติด” ก็เลยเอ้อ… ตกลงชีวิตจะเอายังไง เลยไปหยิบสายชาร์จง่อย ๆ ของ Huawei FreeBuds 3 มาเสียบกับแท่นชาร์จของ Energea อ้าว ติดซะงั้น และไม่ได้ติด Fast Charge ด้วยนะเอ้อ ฉะนั้นพาร์ทเทสชาร์จแบตในลองแล้วเล่านี้ ขอข้ามด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนะครับ

สรุป "ความคุ้มค่าที่เรียกว่า(แอบ)สู้เรือธงได้บางจุด"

สำหรับ Infinix Note 8 และ Note 8i ที่อยู่ด้วยกันมาแรมเดือน บอกเลยครับว่านี่คือมือถือรุ่น Low-End ที่ให้ประสบการณ์ได้ดีกว่ามือถือ Low-End ยี่ห้ออื่น ๆ ที่ได้ลองเล่นมาเลยทีเดียว แต่สิ่งเดียวที่ขัดใจคือเรื่องโฆษณานี่แหละ ยิงบ่อยไปไหมคุณเธอ ยิงไม่ดูเวล่ำเวลา ตี 2 ตี 3 นอน ๆ อยู่ สะดุ้งตื่นเพราะเสียง Notification ดังเงี๊ยะ หรือนอนดูหนังผ่านแอปฯ​ Netflix สบาย ๆ กำลังได้ที่ ปิ๊ง เด้งอีกละ ขอนะครับ ขอเลย “อย่าหาทำ” สิ่งดี ๆ ที่คุณอยากมอบให้ อาจเป็นความรำคาญที่ทำให้การเลือกซื้อมือถือรุ่นถัดไป ต้องมีช้อยส์เรื่องความถี่ในการยิงโฆษณาเข้ามาพิจารณาเพิ่ม กรณีนี้ขอพาดพิงทุกแบรนด์ไม่เว้นแม้แต่บิ๊กเนมตัวเอสที่เดี๋ยวนี้ก็โฆษณาเก่งแม้กระทั่งรุ่นเรือธงนะครับ เห้ยคุณณณ คุณเป็น Flagship Smartphone แล้วมายิงโฆษณาขายตรงหาลูกค้า แบบนี้มันเกินไปหน่อยไหมอะครับ? นะ ๆ ขอนะ อย่าทำเลย ไม่ก็ทำให้มีขอบเขตนิดนึง เช่น อาจจะเพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้าสามารถปิดโฆษณาได้ถ้าเค้าไม่ต้องการ หรือต้องการความเป็นส่วนตัวในการใช้งานจริง ๆ

ถ้าตัดเรื่องความมากของ XOS ที่ให้ Boltware (ซอฟต์แวร์ที่ไม่มีความจำเป็นในการใช้งาน) มาเยอะชนิดที่ ไม่รู้จะให้มาทำไม มองดี ๆ แล้ว Infinix Note 8 และ Note 8i ถือเป็นสมาร์ทโฟนในกลุ่ม Low-End ที่ทำออกมาได้ดีอีกหนึ่งรุ่น บางจุดเรียกว่าดีไปถึงขั้นเรือธงราคาสามสี่หมื่นกันเลยทีเดียว ชนิดที่แบบว่าใครที่กำลังมองหามือถือเครื่องสำรองใช้เป็นเครื่องที่สอง หรือเครื่องเพื่อการเล่นเกมแบบขำ ๆ ไม่จริงจัง อันนี้ส่วนตัวก็แอบเชียร์ให้พิจารณา Infinix Note 8 และ Note 8i เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะความคุ้มค่าเกินราคาที่ Infinix ให้มาเยอะมาก และให้มาดีมาก ถือเป็นเรื่องที่ อ่าห์ เป็นผมที่ใช้มือถือ Flagship มากว่าครึ่งชีวิต (ถ้านับตั้งแต่สมัย ม.ปลาย ที่ผมเริ่มหันมาใช้ Nokia N82 จริงจังเครื่องแรก จากเดิมที่ใช้มือถือปุ่มกด 600-700 บาท) ก็มีเหลียวไปมองกับเขาบ้างเหมือนกันแหละ

ใครที่อยากได้ความคุ้มค่าแบบนี้ ก็สามารถหาซื้อ Infinix Note 8 และ Note 8i ได้แล้ววันนี้ เฉพาะที่ Lazada และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการเท่านั้นครับ แว่วว่าที่ dtac เองก็มีขายด้วยนะ แถมราคาดีเพียงพันกว่าบาทอีกด้วย ^^

คณะแกดกวน #teamgadguan

คณะแกดกวน #teamgadguan

เว็บ Gadget อารมณ์ดี มีสาระ
เราคุยกันได้ทั้งเรื่องของเล่นไฮเทค วิทยาการ หรือกระทั่งเมาท์เรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เป็นงานเป็นการ