เผลอแปปเดียวก็จะครบรอบหนึ่งขวบปีการกลับมาของ Nokia ที่ได้ hmd Global เป็นมิตรคนสำคัญที่ทำให้ Nokia กลับเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์มือถือได้อีกครั้ง โดยตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา Nokia มีโทรศัพท์ในกลุ่ม Feature Phone ขายทั้งหมด 5 รุ่น และ Smartphone อีก 5 รุ่น และสมาชิกใหม่ล่าสุดของ Nokia คือเนื้อหาหลักของบทความนี้ นั่นคือ Nokia 2
ก่อนจะไปเจอกับ Nokia 2 ต้องเล่าที่มากันเล็กน้อยว่า จากการสำรวจร่วมกับ Qualcomm ถึงความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อ Smartphone ราคาถูกสักรุ่นนั้น มีอะไรบ้าง โดยผลสำรวจที่ได้หลัก ๆ คือ
- 97% : แบตเตอรี่พอใช้งานในหนึ่งวันได้
- 68% : จอที่ใหญ่ คมชัด ใช้งานได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม
- 51% : รองรับ 4G
- 68% : กล้องถ่ายรูปที่ดี
และเมื่อถามต่อว่า อะไรคือเรื่องที่แย่ที่สุดในการใช้งาน Smartphone ราคาถูก คำตอบที่ได้มีวามเรื่องหลัก ๆ คือ เครื่องค้าง ทำงานช้า / จอภาพที่ไม่คมชัด ไม่สู้แสง / แบตเตอรี่ใช้งานได้ไม่ครบวัน และ กลัวไม่ได้รับการอัพเดท Android รุ่นใหม่ๆในอนาคต
เมื่อนำความต้องการเหล่านี้มาพิจารณาดูแล้ว จึงเป็นที่มาของ Nokia 2 ที่มีสเปคออกมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ตามผลสำรวจที่ได้มาแบบครบถ้วนดังนี้
- ตัวเครื่องทพจากอลูมิเนียม แบบ Unibody ทำสีแบบอโนไดซ์ฝาหลังเป็นโพลีคาบอเนต
- แบตเตอรี่ความจุ 4100mAh เปิดเครื่องได้ 2 วัน โดยตัวเครื่องหนาแค่ 9.3mm
- Snapdragon 212 Quad-Core ความเร็ว 1.3Ghz / Ram 1GB / กราฟฟิก Arderno 340 รองรับ 4G 2CA กับ VoLTE ทุกเครือข่ายในไทย
- จอ LTPS คมชัดในทุกสภาพแสง กินไฟน้อยกว่า TFT แบบเดิม 15%
- กล้อง 8 Megapixel + LED flash (กล้องเดียวกับ Nokia 3) / กล้องหน้า 5 ล้านแบบ Fixed Focus
- ปุ่ม Home / Task / Back เป็น on screen
- Android 7.1.1 และรองรับ 8 Oreo Go ในอนาคตแน่นอน
- วางจำหน่ายสามสี ดำล้วน / ขาว (แกนกลางดำ) / ดำ (แกนกลางสีทองแดง) ราคาขาย 3,790 บาท
จากคุณสมบัติคร่าว ๆ ของ Nokia 2 เมื่อได้ลองจับตัวจริงแล้ว สิ่งแรกที่ต้องชมทันทีคือ ตัวเครื่องมีงานประกอบที่แน่นหนาสมกับที่คุยไว้ น้ำหนักในการจับถือที่กำลังดี ไม่หนักเกินไป หรือเบาจนดูเหมือนของถูก การจัดวางปุ่ม เส้นสายเครื่องโดยรวม ดูเหมือนนำ Nokia 6 มาลดรูป ซึ่งดูแล้วก็ไม่เลวดีทีเดียว อย่างน้อยก็ดีกว่า Nokia 3 ที่เวลาผมมองทีไร พาลคิดว่าไปขโมยหน้าตาของ Xperia สักรุ่นมาหรือเปล่าทุกทีตัวเครื่องสีดำล้วนแบบดำด้านดูสวยน่าจะเป็นสีขายดีของรุ่นนี้ได้ไม่อยากในขณะที่สีขาวแกนกกลางเป็นสีดำอาจฟังดูแปลกแต่ตัวจริงถ้าขาวหมดทั้งเครื่องดูแล้วอาจไม่สวยก็ได้แต่สีที่ผมชอบสุดคือดำแกนกลางสีทองแดง
จุดเดียวที่ไม่ชอบที่สุดใน Nokia 2 คือฝาหลังของเครื่องฝาหลังพลาสติกโพลีคาบอเนตแบบด้านดูสวยดีก็จริงประกอบมาแน่นก็จริงแต่เครื่องโชว์ที่ได้จับสีฝาหลังเดิมๆ จะเป็นสีด้านแต่เนื่องจากการเสียดสีจากกการใช้งานในชีวิตประจำวันทำให้ฝาหลังเงาด่างยิ่งกับเครื่องสีดำยิ่งเห็นได้ชัดฉะนั้นแล้วขอให้รักษาความสะอาดสักหน่อยก็น่าจะอยู่ในสภาพที่ดีได้เช่นกัน
อย่างต่อมาที่พอจะได้ลอง แล้วเห็นความชัดเจนคือ ความลื่นไหลของเครื่อง ถึงเครื่องที่ได้ลอง จะยังใช้ Android 7.1.1 แต่ก็ลื่นในระดับใช้งานทั่วไปได้ดี มีกระตุกเล็กๆ ตามประสา Android รุ่นเล็ก แต่ไม่มีช็อตพังคาที่ให้เห็น ในการสาธิตเปิดตัว เกมที่กลาง ๆ อย่าง Sonic Dash / Angry Birds สามารถเล่นในเครื่องนี้ได้อย่างลื่นไหล และในอนาคต Android Oreo GO ก็พร้อมใช้ใน Nokia 2 แน่นอนซึ่งจะทำให้เครื่องได้ประสิทธิภาพการใช้งานที่เต็มที่กว่านี้แน่นอน
สรุป(คร่าวๆ)
จะกี่ยุคกี่สมัย โทรศัพท์มือถือราคาเบา ๆ ก็เป็นกลไกลสำคัญสำหรับหลายค่าย ที่ส่งเสริมทั้งยอดขาย หรือส่งเสริมประสบการณ์อันดี ให้อนาคคลูกค้าที่ซื้อ ขยับไปอุดหนุนรุ่นที่สูงกว่าในอนาคต สิ่งหนึ่งที่ปฎิเสธไม่ได้จริง ๆ กับยุค Smartphone คือ รุ่นราคาเบาของ Android ที่พอจะใช้งานได้ดีประมาณหนึ่งก็ราคาไม่เบาจริงสำหรับคนกลุ่มที่ต้องการ
ถ้าไม่นับแบรนด์จีน หรือสั่งตัดโดยเครือข่ายมือถือในไทย การหา Smartphone ระบบ Android ในราคา 2-4 พัน ที่ลงตัว มั่นใจในตัวแบรนด์ได้ ก็คิดออกยากอยู่พอสมควร การมาของ Nokia 2 จึงจัดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ยิ่งสถิติยอดขายของ Nokia ที่บอกเองว่า ยอดขายเครื่องกลุ่มราคา 3,500 บาท คิดเป็น 35% ของยอดขาย Nokia ในไทยในตอนนี้ ก็พอจะแปลได้ว่า Nokia รุ่นราคาเบาทำออกมาได้ถูกใจผู้ใช้พอตัวเช่นกัน
จากที่สัมผัสมาคร่าว ๆ เครื่องมีศักยภาพที่น่าจะตอบโจทย์กลุ่มที่มองหา Smartphone ที่ดี ราคาเหมาะสมกับตัวอยู่ ได้แบตเตอรี่ที่ทน หน้าจอที่ดูดีเลยทีเดียว การตอบสนองก็ลื่นอยู่ (ถึง RAM จะให้แค่ 1GB ก็ตาม) ยิ่งการมาของ Android 8.0 Oreo Go ที่เกิดมาเพื่อให้เครื่องรุ่นแรก ใช้ได้ดี ใช้ได้ครบในแบบที่ควรจะเป็น ยิ่งทำให้ Nokia 2 น่าสนใจเข้าไปอีกว่า การอัพเดท Oreo Go จะทำให้เครื่องน่าใช้ยิ่งกว่านี้ขนาดไหน
สุดท้ายนี้ ยินดีกับการขึ้นขวบที่ 2 ของ HMD Global ด้วยนะครับ ก้าวถัดเป็น เห็นว่ามีอะไรปรับอีกเยอะ จะรอชมอย่างตั้งใจนะครับ 🙂
