ลองแล้วเล่า

ลองแล้วเล่า : Samsung Experience Store “ร้านที่สมบูรณ์แบบ ของคนรัก Samsung Galaxy”

ถ้าใครเดิน Siam Paragon บ่อย ๆ ผ่านชั้นสามข้างๆ Kinokuniya, Ferrari Brand Shop หรือ True Sphere เป็นประจำ ก็คงนึกถึงร้าน Samsung ที่ตั้งระหว่างสองร้านที่ผมกล่าวถึงออกแน่นอน ถ้านับจากอายุตัวห้างฯ ร้าน Samsung สาขานี้ ก็จัดว่าอยู่มานานพอสมควรแล้ว เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เลยมีการปิดร้านเพื่อปรับปรุงชั่วคราว ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรเป็นพิเศษ จนเมื่อเปิดให้บริการไปเมื่อไม่นานมานี้ มันมีความหมายอยู่ในร้านนี้หลายอย่าง ที่ทาง Samsung อยากเล่าและผมก็ขอเล่าใหัฟังตามนี้ครับ

 

รูปแบบใหม่อิงจากพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นหลัก

สำหรับการปรับปรุงร้านครั้งใหญ่นี้ ก่อนอื่นต้องบอกว่า ร้าน Samsung สาขานี้ เป็นร้านที่ Jaymart ดูแลอยู่ โดยงานออกแบบสาขานี้ เป็นสาขาแรกในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้ดีไซน์แบบ Global Design ที่ใช้กันทั่วโลก เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในร้านเป็นฝีมือจาก Samsung ที่เกาหลีคุมเอง มีการนำรูปแบบตัวร้านจากต่างประเทศหลาย ๆ แบบมาลองผสมผสานกัน ซึ่งในส่วนของร้านนี้ทาง Jaymart เองก็ทำเพียงแค่ฝ้า ผนัง พื้น และรับงานบริหารร้านเท่านั้น งานตกแต่งที่เหลือเป็นฝีมือของ Samsung ล้วน ๆ

ตัวร้านในรูปแบบนี้ทำออกมาให้เน้นความโปร่งโล่ง สามารถเดินเข้าจากทุกทาง แล้วเดินเป็นเส้นตรงเข้าร้าน เพื่อวนรอบ แล้วดูได้ครบทุกอย่าง การจัดส่วนภายในร้านก็แยกเป็นไปตามความสามารถและประสบการณ์ในการใช้งานในมุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะการถ่ายรูป ความบันเทิง การลองเล่นเครื่องตัวจริง อุปกรณ์เสริม และยังมีการให้แนะนำจาก Galaxy Master ซึ่งเป็นพนักงานที่ได้รับการอบรมความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์อย่างครบถ้วน

การปรับแบบนี้ เป็นการทำเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ต้องการให้แน่ใจว่า มือถือเครื่องใหม่ที่กำลังจะซื้อนั้นมีความคุ้มค่า หรือทำได้มากกว่าที่คาดหวังไว้ รวมถึงระยะเวลาการเปลี่ยนเครื่องของคนทั่วไปโดยเฉลี่ยที่ยาวขึ้นเป็น 18-36 เดือน จากเดิมที่เปลี่ยนกันโดยเฉลี่ยแบบคงที่ที่ 2 ปีต่อครั้ง ทำให้การหาความรู้ก่อนซื้อของผู้บริโภคไม่ว่าจะจากการอ่านบทความทดลองจับ ทดลองใช้ หรือถามจากคนรอบตัวที่ใช้มือถือรุ่นที่หมายตาไว้แล้วค่อยคิดตัวเลือกในใจประมาณหนึ่งก่อนไปลองของจริงที่ร้านนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นการปรับร้านให้โปร่งเข้าถึงสะดวกขึ้น และมีพนักงานที่ตอบคำถามได้ลึกขึ้นจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากเช่นกัน

สำหรับการเลือกสาขา Siam Paragon เป็นสาขาแรกที่ปรับโฉมใหม่ทั้งหมด มีเหตุผลที่ทำเลใจกลางเมืองล้วน ๆ รวมถึงพื้นที่ตัวร้านที่ใหญ่ถึง 1,000 ตารางเมตร ทำให้สามารถออกแบบร้านด้วยการใช้โฉมใหม่โฉมนี้ได้อย่างเต็มที่ โดยที่ร้านนี้ถือเป็นที่แรกของไทย และของเอเขียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้นำโฉมนี้มาใช้งาน

 

มาดูกันดีกว่า ร้านนี้มีอะไรบ้าง?

ทีนี้ทุกคนคงอยากรู้กันแล้วว่า Samsung Experience Store @ Siam Paragon แห่งนี้ มีมุมไหนที่น่าสนใจบ้าง อันที่จริงผมได้เดินชมร้านนี้มาบ้างแล้วตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของการจัดร้านในรูปแบบนี้ ซึ่งในวันนี้ผมก็ได้เข้าใจจุดประสงค์ของ Samsung ที่ต้องการโชว์ประสบการณ์ในการใช้งาน Samsung Galaxy อย่างเต็มที่ ผ่านมุมต่าง ๆ ภายในร้านกว่า 5 จุด ดังต่อไปนี้

จุดแรกที่คุณเข้ามาก็จะเจอเลย คือมุม 4D VR มุมนี้จะเปิดให้ทดลองเล่น Galaxy Gear บน Galaxy S หรือ Galaxy Note รุ่นล่าสุดในปีนั้น แต่ที่พิเศษกว่าคือ คุณจะได้ทดลองมันบนเก้าอี้ 4D ด้วย นอกจากจะได้เห็นคอนเทนต์ VR แบบเต็มตาแล้ว ยังจะได้สัมผัสเสมือนไปสัมผัสของจริงอีกด้วย มุมนี้ใครอยากลองเล่นก็ติดต่อ Galaxy Master ในร้านได้ทันที

มุมที่สองเป็นมุม Photo ขึ้นชื่อว่าภาพก็แน่นอนครับว่ามุมนี้ จะเป็นมุมที่เปิดให้ทดลองถ่ายภาพด้วย Galaxy Note 8 และ Galaxy Gear 360 รวมถึงยังสามารถทดลองฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้การถ่ายภาพสนุกขึ้นได้อย่างเต็มที่

มุมที่สามเป็นมุม Music เป็นมุมที่เปิดให้คุณได้ทดลองฟังเพลงผ่านอุปกรณ์เสริมอย่าง Galaxy Gear และลำโพง Level ทุกรุ่น นอกจากฟังเพลงแล้ว คุณยังสามารถทดลองชมภาพยนตร์ หรือทดลองด้านเสียงผ่านมุมนี้ได้อย่างเต็มเปี่ยม

มุมที่สี่เป็นมุม Work ซึ่งนำเสนอการทำงานอย่างไร้รอยต่อด้วย DeX Station อุปกรณ์ที่จะเชื่อมให้ Galaxy Note 8 และ Galaxy S8 สามารถทำงานในรูปแบบคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปได้ และยังสามารถเปิดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในรูปแบบ Full Multitasking ได้อย่างง่ายดาย

มุมสุดท้ายเป็นมุม Games ซึ่งเป็นมุมที่เปิดให้ทดลองเล่นเกมต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์ของ Samsung ได้อย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังรองรับการเล่นเกมผ่าน Gear VR และโยนเกมขึ้นไปเล่นต่อบน Smart TV ของ Samsung ด้วยฟังก์ชัน Smart View ได้อย่างต่อเนื่อง

ถัดมาบริเวณพื้นที่กลางร้าน เป็นพื้นที่ของโซนแสดงสินค้าที่วางจำหน่ายในขณะนั้น ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ยังรวมไปถึงส่วนแสดงอุปกรณ์เสริม และแท็บเล็ตอีกด้วย ซึ่งถ้าไล่เป็นโซน ๆ ไป ก็จะมีดังนี้

โซนที่หนึ่งเป็นโซนแสดงสินค้า Flagship ประจำปีอย่างรุ่น Galaxy S และ Galaxy Note โดยนอกจากรุ่นใหม่ของปีปัจจุบันอย่าง Galaxy S8/S8+, Galaxy Note 8 และ Galaxy Note Fan Edition แล้ว ยังมีรุ่นปีที่แล้วอย่าง Galaxy S7 วางขายรวมอยู่ด้วย เรียกว่าเปิดให้ลองเล่น และลองใช้งานรุ่นเด่นรุ่นดังประจำปีได้อย่างเต็มเปี่ยม

โซนที่สองเป็นโซนแสดงสินค้าในรุ่นระดับกลางบนและกลางล่าง อันได้แก่ตระกูล Galaxy A และ Galaxy J ซึ่งถ้าใครที่ทุนไม่หนาพอที่จะซื้อมือถือราคาแพงอย่าง Galaxy S หรือ Galaxy Note ได้ ในร้านก็ยังมีตระกูล A และ J ให้ทดลองเล่นเช่นกัน เรียกว่าไม่มีกั๊กและไม่มีเกี่ยงแต่อย่างใด

Galaxy A8 และ A8+ สองรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Thailand Mobile Expo 2018 ที่จะถึงนี้ ที่ร้านก็มีให้ทดลองเล่นเช่นกัน

โซนที่สามนี้เป็น Gear Zone โซนนี้จะเป็นโซนที่เปิดให้ทดลองใช้งาน Gear Sport สมาร์ทวอทซ์ชื่อดังของ Samsung นอกจากทดลองใช้งานแล้ว ยังสามารถดูสายที่ต้องการควบคู่ได้อีกด้วย

โซนที่สี่เป็นโซนของแท็บเล็ตจาก Galaxy Tab และก็เหมือนทุกจุดในร้าน โซนนี้จะเป็นโซนที่เปิดให้ลูกค้าได้เปิดทดลองใช้งานแท็บเล็ต Galaxy Tab S ได้อย่างเต็มที่เหมือนกับทุก ๆ จุดที่ผ่านมา และที่สำคัญคือยังมีอุปกรณ์เสริมให้ได้ทดลองใช้งานควบคู่อีกด้วย

มุมสุดท้ายของโซนขายของก็เป็นโซนอุปกรณ์เสริม ซึ่งมีให้เลือกอย่างมากมายหลายรูปแบบ ทั้งเคสรูปแบบต่าง ๆ เคสพิเศษที่ทำร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ แท่นชาร์จไร้สาย และเพาเวอร์แบงค์ที่รองรับเทคโนโลยี Fast Charge เป็นต้น

ทั้งนี้มุม ๆ นี้จะเป็นมุมที่เน้นอุปกรณ์เสริมของ Galaxy S8 และ Galaxy Note 8 สองรุ่น Flagship เป็นหลัก ส่วนรุ่นอื่น ๆ อย่าง Galaxy A หรือ Galaxy J ทางร้านไม่ได้จำหน่ายแต่อย่างใด

มุมสุดท้ายและท้ายสุด เป็นจุดรับบริการและส่งเครื่องซ่อมไปศูนย์บริการของ Samsung ซึ่งในจุด ๆ นี้ Galaxy Master จะทำหน้าที่ให้คำแนะนำเบื้องต้นในการแก้ไขปัญหาที่พบเจอเสียก่อน แต่ถ้าหากว่าปัญหาไม่สามารถแก้ไขได้ ก็จะทำหน้าที่เป็นจุดรับเครื่องเพื่อส่งต่อไปยังศูนย์บริการมาตรฐานของ Samsung Galaxy ให้เช่นกัน

 

ร้านนี้ไม่ทำเล่น ๆ แต่ทำแล้วต้องเดินหน้าเต็มที่
ทั้งร้าน ผลิตภัณฑ์ บริการหลังการขาย และการตลาด

คุณวิชัย พรพระตั้ง หรือคุณหมู รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคทรอนิกส์ จำกัด ได้เปิดเผยว่า ณ ตอนนี้ Samsung มี Brand Shop เปิดให้บริการอยู่ 128 สาขาทั่วประเทศ แน่นอนว่าแผนการปรับปรุงหน้าร้านให้ออกมาแนวเดียวกับสาขา Siam Paragon นั้น แผนงานในปัจจุบันจะมุ่งเน้นไปที่ร้านที่มีสาขาอายุมากกว่า 10 ปีหรือใกล้ 10 ปี เป็นอันดับแรก ๆ แต่ถึงกระนั้นการปรับปรุงร้านก็ยังมีสิ่งที่เป็นอุปสรรคของงานขวางอยู่เล็กน้อย นั่นก็คือเจ้าของสถานที่ตั้งร้านค้านั้น ๆ เพราะถ้าเกิดว่าเจ้าของสถานที่หรือศูนย์การค้าแห่งนั้น มีแผนจะปรับผังหรือรีโนเวตใหญ่ในไม่กี่ปีนี้ หากทำร้านใหม่ไปเสร็จก่อนแล้วอยู่ไม่นานนัก ทางนิติบุคคลมาแจ้งขอย้ายไปอีกที่ หรือให้ย้ายออก ผู้อ่านคงคิดออกได้ทันทีว่า คงน่าเสียดายงบที่ใช้ปรับปรุงร้านอยู่พอสมควรเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น 128 สาขาที่ Samsung ทำร่วมกับดีลเลอร์ต่าง ๆ ในประเทศไทย Samsung ได้ให้การยืนยันชัดเจนว่าจะได้รับการปรับโฉมร้านให้เป็นแบบใหม่ตามเวลาที่เหมาะสมจนครบทุกสาขาแน่นอน และที่สำคัญก็จะมีสาขารูปแบบใหม่ ๆ สำหรับร้านที่มีพื้นที่ขนาดเล็กเพิ่มเติมเข้ามาให้เห็นอีกด้วย แต่ในปี 2018 นี้ การทำได้สัก 10 สาขา ก็เป็นเป้าที่ Samsung รู้สึกพอใจแล้ว

แน่นอนว่าทางฝั่ง Samsung เองก็ต้องการปรับโฉมร้านที่มีในมือให้สวยแบบนี้เร็วที่สุดเช่นกัน เพราะหลังจากการปรับปรุงร้านที่ Siam Paragon แล้ว ข้อมูลจากทาง Jaymart ก็ระบุชัดเจนว่ามียอดขายสินค้าจากร้านเพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับช่วงร้านยังไม่ทำใหม่ รวมถึงเมื่อเทียบกับ Jaymart ที่อยู่ชั้นบน (ชั้น 4) ตัวร้าน Samsung ใหม่ ก็ขายสินค้าได้ดีกว่าถึง 50% ทำให้ Samsung เห็นผลแล้วว่า รูปแบบร้านใหม่ ดีต่อการทำตลาดในระยะยาวแน่นอน และ Samsung ยังเล่าถึงสาขาในอนาคตว่า รูปแบบร้านแห่งนี้จะไปเปิดที่ Iconsiam ที่กำลังสร้างอยู่เช่นกัน

สองอย่างสุดท้ายที่ Samsung เปรยไว้เล็กน้อย ก็คือเรื่องการรับประกันสินค้า โดยขณะนี้ Samsung ประเทศไทย กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันสินค้า จากเดิมที่รับประกันคุณภาพสินค้าหนึ่งปี มาเป็นการรับประกันตลอดอายุขัยของตัวสินค้า (Lifetime Warranty) นั่นก็คือลูกค้าจะได้รับการรับประกันตัวเครื่องตลอดอายุขัยของตัวเครื่อง หรือจนกว่า Samsung จะเลิกผลิตหรือวางจำหน่ายสินค้าในรุ่นนั้น ๆ และเรื่องของ Samsung Pay เองก็มีแผนที่จะรองรับการจ่ายเงินแบบ QR Code ตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยการตัดเงินตรงจากบัตรเครดิตเช่นกัน ซึ่งจะเป็นการสร้างความสะดวกสบายในการชำระเงินในยอดเล็ก ๆ ให้มากขึ้น ซึ่ง Samsung ได้เปรย ๆ เอาไว้ว่า “อีกไม่นานเกินรอแน่นอน”

นอกจากสินค้าใหม่ ๆ องค์ประกอบทางการตลาดอื่น ๆ เป็นงานสำคัญที่ Samsung ในไทยคงต้องลุยกันหนักเพื่อรักษาทั้งยอดและความสำเร็จกันต่อไปเช่นกันครับ ก็คงต้องดูกันต่อไปว่าในเร็ว ๆ นี้ Samsung จะงัดอะไรออกมาเพื่อรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานเข้าไปพร้อมกันครับ

คณะแกดกวน #teamgadguan

ดลกุล เนตรรัตนากุล (zipboy)

ชื่อเต๋า อายุหลัก 3 ชอบของเล่นไฮเทคทั้งหลาย แต่ไม่ค่อยจะได้เล่น ต้องไปยืมชาวบ้านมาลอง เป็นกรรมกรประจำ #TeamGadGuan รักที่จะเขียน และรักคนอ่านครับ^^