ลองแล้วเล่า

ลอง(นิดหน่อย)แล้วเล่า : กองทัพ Sony Extra Bass 2018 “เมื่อ Dolby Atmos / หูฟังไร้สาย เป็นพระเอกหลักของปีนี้”

ในบรรดาตัวเลือกเครื่องเสียง หูฟัง ที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ แต่ได้คุณภาพที่ดี ก็ต้องมี Sony อยู่ในตัวเลือกนั้น และสินค้าด้านเสียงของ Sony ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีราคาที่เข้าถึงง่ายสมเหตุสมผลขึ้นมูลค่าทางการตลาดโตขึ้นอย่างน่าพอใจ

และในปี 2018 นี้ Sony เตรียมสินค้ารุ่นใหม่ ที่รับกระแสไร้สายรวมถึงเทคโนโลยีเสียงระดับโรงภาพยนตร์อย่าง Dolby Atmos ก็ทำราคาเข้าถึงได้เรียบร้อย

ในการลองแล้วเล่าครั้งนี้ ผมเลือกสินค้ารุ่นล่าสุดที่เปิดตัวครั้งนี้มา 4 รุ่นได้แก่

  • WF-SP700N : หูฟังแนว Sport แบบ True Wireless ที่รองรับระบบตัดเสียงรบกวนตัวแรกจาก Sony
  • MDR-1A Mark II : หูฟัง Hi-Res รุ่นสานต่อความสำเร็จจากรุ่นแรก
  • Soundbar HT-Z9F : Soundbar ที่รองรับ 3.1 Chanel Dolby Atmos ติดตั้งง่าย และให้มิติเสียงตามมาตรฐาน Dolby Atmos
  • MHC-V81D : Party Box รุ่นใหม่ที่ส่งเสียงและเปล่งแสงได้ถึง 360 องศา

 

WF-SP700N

หูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่เน้นไปทางการออกกำลังกาย โดยตัวหูฟังมาแนวเดียวกับ AirPods ซึ่งตลับเป็นฝาแบบสวิงออก ตัวหูจะล็อคอยู่ข้างใน (แบบเดียวกับหูฟังตระกูล True Wireless ของ Jabra) การสวมใส่ให้ยัดเข้ารูหูโดยที่ยางล็อคใบหูจะคล้องเข้าใบหูด้านในส่วนบนขยับอีกเล็กน้อยก็จะเข้าที่

โดยการเชื่อมต่อนั้น ให้หยิบหูซ้ายออกมาก่อน แล้วกดปุ่มเปิดค้างไว้ประมาณ 7 วินาที จนกว่าไฟสถานจะเป็นน้ำเงินกับแดงสลับกัน หลังสั่งเชื่อมต่อจากเมนู Bluetooth ในเครื่องเสร็จสวมหูซ้ายก่อนแล้วหยิบหูขวามาสวมได้เลย

การควบคุมหลักๆ หูซ้ายจะใช้สำหรับเปิดหรือปิดระบบตัดเสียงรบกวน ในขณะที่ฝั่งขวา จะใช้ในการสั่งเล่นเพลง หยุดเล่นเพลง เปลี่ยนเพลง และเรียกใช้ Siri / Google Assitance โดยในส่วนการลองสวมใส่ ถ้าปรับให้พอดีเรียบร้อย อาจเหมือนมีอะไรถ่วงหูนิดหน่อย แต่ก็น่าจะไม่หลุดง่าย ๆ (เพราะยังไม่ได้เอาไปลองจริงจังนัก)

แต่สิ่งที่น่าประทับใจทันทีที่ได้ฟังคือ คุณภาพเสียงที่ทำมาได้ดี เสียงร้องชัด เสียงกลางครบ ดนตรีอาจยังไม่ละเอียดนัก ซึ่งถ้าวัดกันในบรรดาหูฟังแนวใช้เล่นกีฬา ถือว่าอยู่ในขั้นน่าประทับใจมาก ซึ่งหูฟังแนวนี้ส่วนใหญ่ คุณภาพเสียงมักจะไม่ดีมากนัก แต่กับ W1-SP700N จัดเป็นหูฟังไร้สายที่มีตัวเดียวใช้ฟังทุกเวลาได้อยู่

ในส่วนระบบตัดเสียงรบกวนการผสมเสียงภายนอกกับเสียงเพลงยังไม่กลมกลืนดีนักหรือถ้าใช้แบบตัดเสียงรบกวนไปเลยก็ยังตัดได้ไม่สนิทดีนักซึ่งน่าจะปรับปรุงด้วยการอัพเดทซอฟท์แวร์ในภายหลังได้

สำหรับ W1-SP700N จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้และราคาจะประกาศในภายหลัง

MDR-1AM2

ภาคต่อของหูฟังที่เน้นคุณภาพเสียง เป็นหูฟังที่แฟน Sony ชอบมากอีกรุ่น โดยในรุ่นสองนี้ ได้ปรับหลัก ๆ คือการลดน้ำหนักให้เบาลง แข็งแรงขึ้น รองรับการเชื่อมต่อด้วยหัวขนาด 4.4mm (มีสายแบบ 3.5mm แถมมาให้)

แน่นอนว่าเมื่อเอามาครอบหัว ความสบายในการครอบหัว ทำได้ตามจุดประสงค์ของการปรับปรุง นั่นคือความเบา มันใส่สบายขึ้นเพราะความเบาลงของมัน เมื่อลองฟังกับไฟล์เสียงแบบ Hi-Res ที่ Sony เตรียมไว้ให้สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นแรกคือการเก็บรายละเอียดเสียงทำได้ดีขึ้นซึ่งถ้าฟังแบบผ่านๆอาจไม่รู้สึกมากนักถือว่าการปรับในรุ่นสองคือการทำให้ลงตัวมากขึ้นนั่นเอง

สำหรับ MDR1A Mark II จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้ ราคา 9,900 บาท

HT-Z9F

Soundbar ตัวใหม่พร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Sony ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ Sony ทำ Soundbar ในรูปแบบ 3.1 Channel ด้วยลำโพงด้านหน้าสามจุดพร้อม Sub-woofer 1 ตัวแยกจากกัน แต่ความพิเศษของ Soundbar ตัวนี้คือมีการใส่การรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ DTS:X เข้ามาด้วย ซึ่งวินาทีแรกที่ได้เห็นก็ทำให้ตกใจพอสมควรว่า “มันจะสร้างเสียงด้านบนจากไหน?”

ตามปกติแล้วพวกโฮมเธียเตอร์หรือ Soundbar ที่รองรับ Dolby Atmos จะต้องเป็นโฮมเธียเตอร์ที่ใช้ระบบเสียง 7.1.x ซึ่งตัว x คือลำโพงพิเศษที่จะใช้ยิงเสียงขึ้นเพดาน หรือต้องขึ้นเอาไปแขวนบนเพดานเพื่อใช้ปล่อยเสียงที่จะออกมาจากด้านบน แต่สำหรับ HT-Z9F ตัวนี้ จะใช้วิธีการสร้างเสียงแบบจำลองด้วยเทคโนโลยี Vertical Surround Engine ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะสร้างโดมจำลองขึ้นมา และใช้โดมนั้นสร้างสภาพเสียงจากด้านบน ทำให้ได้เสียงแบบ 360 องศาทั้งด้านซ้ายขวาหน้าหลังและด้านบนอย่างครบถ้วน

รู้จักเทคโนโลยีกันไปแล้ว เสียงที่ได้จาก Soundbar ตัวนี้ก็บอกได้คำเดียวว่าเป็นเสียงที่สมบูรณ์แบบเอาเรื่อง ลักษณะเสียงมีความนุ่มมากเป็นพิเศษ และเทคโนโลยี Virtual Surround Engine ก็สามารถสร้างสภาพเสียง 360 องศาได้สมจริง ซึ่งจากการเปิดเดโมของ Dolby Atmos อย่าง Amaze บอกได้คำเดียวว่าสภาพเสียงออกมาสมจริงราวกับกำลังดูเดโมตัวนี้ในโรงภาพยนตร์เลยทีเดียว

สำหรับ HT-Z9F จะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ ใกล้ ๆ กับช่วงที่วางจำหน่าย BRAVIA รุ่นใหม่ของปี 2018

MHC-V81D

ตัวสุดท้ายที่เราจะมาพูดถึงกันในครั้งนี้ก็คือเครื่องเสียงตระกูล Party Box ของ Sony ซึ่งในปีนี้ Sony ได้เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุด MHC-V81D เป็นรุ่นเรือธงในปีนี้ จุดเด่นของมันคือมีการเพิ่มดอกลำโพงเข้าไปอีก เพื่อให้ลำโพงตัวนี้สามารถสร้างเสียงได้แบบ 360 องศา รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อกับลำโพง Extra Bass Wireless ได้สูงสุด 10 ตัว ทำให้งานปาร์ตี้ดูสนุกและครึกครื้นขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

นอกจากนี้ตัว V81D ยังมาพร้อมความสามารถใหม่ของเซ็นเซอร์ควบคุมอย่างการ “ตีกอลง” ใช่ครับ คุณสามารถตีกลองบนแผงควบคุมของตัว V81D ได้เลย เพียงแค่กดปุ่ม Taiko เพื่อเปิดโหมดตีกลอง จากนั้นคุณก็สามารถบรรเลงฝีมือลงบนแผงควบคุมได้เลย ซึ่งเจ้าตัว V81D สามารถสร้างเสียงกลองได้ทั้งหมดสี่แบบ รวมถึงสามารถสร้างเสียงเครื่องเล่นดนตรีอื่นๆ ผ่าน Gesture Control ได้อีกสีรูปแบบ รวมเป็นทั้งหมด 8 เสียงเครื่องดนตรี และในอนาคตก็จะมีซอฟต์แวร์อัพเดตเพื่อเพิ่มเครื่องเสียงใหม่ ๆ เข้าไปอีกด้วย

และที่สำคัญสุดคือเจ้าตัว V81D นี้ สามารถเชื่อมต่อสายตรงเข้ากับเบสไฟฟ้าได้แล้ว จากเดิมที่รองรับแค่กีตาร์ไฟฟ้า ทำให้สามารถใช้ Party Box ตัวนี้แทนแอมป์เสียงเพื่อเล่นดนตรีได้เลย

สำหรับ MHC-V81D ตัวนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยยังไม่กำหนดราคาขาย

 

และทั้งหมดนี้ คือสินค้าที่น่าสนใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเสียงของ Sony ในปี 2018 นี้ หลายชิ้นที่เปิดตัวไปในวันนี้ มีแววดีที่จะขายได้ ขอเพียงทุกองค์ประกอบลงตัว ก็น่าจะเป็นสินค้ายอดนิยมได้ไม่ยากแน่นอนครับ^^

คณะแกดกวน #teamgadguan

อริญชย์ ชวะโนทัย (iBehemortHz)

เด็ก ป.โท ผู้สนใจในโลกดิจิทัลและสังคม และคอยเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงผ่านสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า "หน้าจอ" :)