ในปี 2017 ที่ผ่านมา โทรทัศน์จากค่าย Sony ถือเป็นปีที่ดีอีกปี เพราะทำตลาดที่เน้นไปทาง 4K เป็นหลัก รวมถึงเริ่มทำตลาด OLED อย่างเป็นทางการกับ A1 Series ที่ปลายปีที่ผ่านมาเสริมด้วยขนาด 77 นิ้ว สำหรับในปี 2018 นี้ Sony ยังต่อเนื่องกับ 4K / OLED ต่อไป แต่เติมเต็มด้วยองค์ประกอบบางอย่างที่สำคัญ ซึ่งขอเล่ารวมกับพระเอกของบทความนี้ไว้ นั่นคือ OLED TV รุ่นที่ 2 ของ Sony ในรหัส A8F ของใหม่จาก Sony มีอะไรบ้างมาดูกันครับ
“จออะไรก็ได้ หน้าที่เราคือ ทำให้มันออกมาดีที่สุด”
สิ่งที่ Sony กล่าวถึงเทคโนโลยีของโทรทัศน์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดคือ “หน่วยประมวลผลหน้าจอ” เพราะสิ่งที่ Sony เชื่อว่าดีที่สุดตอนนี้ ไม่ใช่รูปแบบจอว่า มันคือ LED หรือ OLED เปรียบก็คือ หน้าจอเป็นเนื้อสัตว์ที่ทำอาหาร สมมุติว่า LED คือเนื้อ ส่วน OLED คือปลา หน่วยประมวลผล จึงเปรียบเสมือน “พ่อครัว” ที่มีหน้าที่ว่า ทำอย่างไรให้ “เนื้ออร่อย” ทำอย่างไรให้ “ปลาอร่อย” ฉะนั้นแล้ว ไม่ว่าจะใช้รูปแบบไหน Sony จะเน้นให้การแสดงผลออกมาดีที่สุดเป็นหลักมากกว่า
ในปี 2018 นี้ Sony เพิ่มเทคโนโลยีที่ช่วยให้การแสดงผล ออกมาดีมากขึ้น อย่างแรกที่จะเล่าคือ X-Motion Clarity โดยหลักการคือ โดยปกติแล้ว โทรทัศน์ที่แสดงภาพได้ลื่นไหล เพราะจำนวน Hrz สูง ๆ ช่วยให้ภาพไหลลื่น แต่ในความไหลลื่นของภาพ ต้องแลกกับการทำให้ภาพมืดลง เทคโนโลยี X-Motion Clarity คือการทำให้ภาพไหลลื่นแต่ไม่ลดความสว่างความสดของสี
Xtended Dynamic Range Pro เทคโนโลยีที่ช่วยให้ข้อจำกัดของโทรทัศน์แบบ LED มีความจมของสีขาวกับสีดำมากขึ้น โดยให้ความเข้มลึกของสีได้มากกว่าโทรทัศน์แบบ LED ทั่วไปถึง 6 เท่า และให้ความสว่างได้มากกว่า 3 เท่า ซึ่งตอบโจทย์การแก้ปัญหาของ LED สีไม่จมลึกมากพอ
ในส่วน Android TV ของ Sony ได้ปรับระบบคำสั่งเสียง ให้ใช้งาน Google Assitance เป็นคำสั่งเสียงมาตราฐาน ทำให้ Android TV ของ Sony สามารถใช้งานร่วมกับระบบนิเวศของ Google รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ที่เชื่อมต่อกับ Google Assitance จากโทรทัศน์โดยตรงได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ในซอฟท์แวร์อัพเดท 2018 ของ Sony ที่ใช้หน่วยประมวลผล X1 ทั้งหมด จะทำให้รองรับ Dolby Vision กับ Dolby Atmos ด้วย
A8F “เลือกหน้าตาที่ชอบกันได้เลย”
สำหรับพระเอกของงานวันนี้ Sony Bravia OLED รุ่นใหม่ รหัส A8F ซึ่งความเป็นน้องรองของรุ่นนี้ ไม่ได้รองอย่างที่คิด เพราะสเปคทุกอย่าง ไม่ว่าจะหน้าจอ งานออกแบบหน้าจอ ลำโพง หน่วยประมวลผล การให้สีสันจอ ทุกอย่างเหมือนกันกับ A1 ทุกอย่าง สิ่งที่แตกต่างกันคือ งานออกแบบขาตั้ง ฐาน วัสดุที่ใช้ทำด้านหลัง จะเป็นแบบโทรทัศน์ฝั่ง LED ของ Sony มากกว่าที่เป็นขาแบบที่คุ้นเคยด้านหลังเป็นพลาสติกแบบปกติ
เมื่อความต่างมีแค่ภายนอก แน่นนอว่าในการลองชมจริง ทุกอย่างยังคงให้ความประทับใจแบบ A1 ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องสีสันที่สมจริง ความดำ ความสว่างที่คมชัด ระบบเสียงที่ดังสะใจ ได้มิติจากลำโพงแบบ Acoustic Surface เพิ่มเติมด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เล่าไปในหัวข้อแรก (A1 จะได้รับอัพเดทให้รองรับในเร็ว ๆ นี้)
สำหรับราคา และกำหนดวางจำหน่าย A8F นั้น (อัพเดตล่าสุด : 22 มิถุนายน 2561) รุ่น 55 นิ้ว ตีราคาจำหน่ายที่ 84,990 บาท และรุ่น 65 นิ้ว ตีราคาจำหน่ายที่ 129,990 บาท ทั้งคู่เปิดจองแล้ววันนี้ – 12 กรกฎาคมนี้ ที่ตัวแทนจำหน่ายของ Sony ที่ร่วมรายการ โดยมีของแถมเป็น LED TV W650D 48 นิ้ว อีกหนึ่งเครื่องมูลค่า 15,990 บาท ฟรีทันที
ส่งท้าย
นี่อาจจะเป็น “แกดกวนลองแล้วเล่า” ที่สั้นมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้คือ Sony ยังคงเป็นผู้ผลิตโทรทัศน์ที่นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ เสมอ ราคาอาจจะแพงในสายตาใครหลายคน แต่ถ้าเช็คกันดี ๆ Sony ก็ทำราคาสมเหตุสมผลมากขึ้น และสิ่งที่ผมรู้สึกนี้ ยอดขายที่ Sony เล่าถึงในปีที่ผ่านมาว่า A1 สามารถทำส่วนแบ่งการตลาดโทรทัศน์ OLED ได้ถึง 33% เมื่อเทียบกับคู่แข่งเจ้าอื่น รวมถึงยอดขายที่โตขึ้นจากปี 2016 ถึง 6% ทั้งที่รายงานจาก GFK บอกว่าตลาดโทรทัศน์ในไทยในภาพรวมหดตัวลง
บางที สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปจากนี้ของโทรทัศน์ก็คือ “จะต่อยอด” ให้จอสี่เหลี่ยมกลางห้องนี้ทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่ได้บ้างก็ต้องติดตามชมกันต่อไปครับ