ในระหว่างที่บทความ “ลองแล้วเล่า” ของ Huawei P20 / P20 Pro กำลังทำอยู่นั้น แบรนด์น้องของ Huawei ที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้ ก็ส่งมือถือรุ่นท็อปสุดของแบรนด์มาเรียบร้อย นั่นคือ Honor 10 ถ้าว่ากันแบบ เขียนแล้วปิดบทความได้เลยก็คือ “ร่างทรง P20”
โอเคครับ ขอจบบทความแต่เพียงเท่านี้เลยก็แล้วกันครับ….ไม่ใช่ ๆๆๆ เอาอย่างนี้ละกันครับ ถึงจะนิยามว่าเป็นร่างทรง P20 แต่ในสัมผัสแรกที่ได้ลอง มีหลายสิ่งที่ชวนให้คิดแว็บขึ้นมาว่า “นี่มันอะไรกัน ทำไมดูน่าคบกว่า P20 จัง” ความรู้สึกที่ว่ามีอะไรบ้างเลื่อนลงมาอ่านต่อได้เลยครับ
อย่างที่เคยเล่าไปว่าแบรนด์ Honor มีที่มาอย่างไรในบทความเปิดแบรนด์เมื่อไม่นานนี้ การทำ P10 ออกมาขาย ก็ยังต้องรักษาแนวทาง “คุ้มเกินราคา” ฉะนั้นแล้ว การนำ Huawei P20 มาแปลงบางอย่าง แล้วลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดบางอย่างออก ก็เหมาะสมสำหรับการเป็นมือถือรุ่นท็อปของค่ายได้ โดยสเปคหลัก ๆ ของ Honor 10 คือ ตัวเครื่องเป็นกระจก 2.5D ทำสีแบบไล่ชั้นสะท้อนแสง / หน้าจอ 5.84 แบบ Full View / กล้องหลัง 24+16 MP กล้องหน้า 24MP / AI / CPU Kirin 970 / RAM 4GB / ความจำภายใน 128GB / Finger Scaner / รองรับ 4G ทุกเครือข่ายในไทย (รวมถึง dtac 2300MHz ด้วย) / รองรับ Fast Charge ซึ่งโดยคร่าว ๆ จะเหมือนกับนำ P20 มาตัดกล้อง Monochrome ออกนั่นเอง
สิ่งแรกที่เอยปากไปตามตาเห็นคือ “ทำไมมันสวยกว่า P20” ด้านหน้าตรง การนำตัวอ่านลายนิ้วมือไปซ่อนใต้กระจก แทนการทำเป็นหน้าสัมผัสมีกรอบ ช่วยหลอกสายตาให้รุ้สึกว่า กระจกหน้าส่วนล่างดูเล็กลงกว่าของ P20 ในส่วนด้านหลังเครื่อง ด้านหลังใช้งานออกแบบกระจกโค้งเข้าหาแกนกลาง แบบเดียวกับ Samsung Galaxy Note 5 ใครกลัวเรื่องมือถือลื่นหลุดมือ ต้องระวังขณะจับถือแน่นอน ถ้าใครหลง P20 Pro เพราะสี Twilight กับ Honor 10 สี Phantom Blue จะให้อารมณ์เดียวกับที่หลง Twilight ของ P20 Pro เช่นกัน ให้นึกตามว่า สี Twilight เป็นสีรุ้งเมื่อสะท้อนแสง แต่สีหลักคือม่วง ใน Phantom Blue สะท้อนเหมือน Twilight แต่สีหลักคือน้ำเงินนั่นเอง
การจับถือที่เข้ามือเหมือน P20 แต่ถ้าเป็นเครื่องสีดำ ซึ่งใช้สันแบบเงา เมื่อผสมกับฝาหลังทรงกระจกโค้งเข้ากลาง ต้องใช้ความระมัดระวังในการถือมือเดียวพอสมควร ซึ่งในสี Phontom Blue ได้แกนกลางแบบโลหะขัดด้านมา ก็พอช่วยเพิ่มความมั่นคงในการจับถือได้ดีกว่าเล็กน้อย สิ่งที่ทำให้ชอบกว่า P20 เมื่อสัมผัสได้ชัดเจนอีกเรื่อง คือตัวอ่านลายนิ้วมือ เพราะมันถูกซ่อนลงไปใต้กระจก ถ้าว่าด้วยความสวยงาม มันดูดีมาก ใครที่ใช้มือถือ Huawei รุ่นที่ตัวอ่านลายนิ้วมืออยู่ใต้จอ แล้วชอบตั้งให้ตัวอย่างลายนิ้วมือทำงานเสมือนปุ่ม Home จะชอบในสัมผัสที่ตัวอ่านลายนิ้วมือไม่มีกรอบมากวนนิ้วแน่นอน และจุดประสงค์หลักที่ซ่อนลงไปใต้กระจกจอ คือทำให้อ่านลายนิ้วมือได้ แม้นแต่ตอนที่นิ้วเปียกอยู่ (แต่รุ่นท็อปๆ ฝั่ง Huawei ไม่มี….)
มาประเด็นสำคัญของ Honor 10 คือกล้องถ่ายรูป เท่าที่ค้น ๆ ดู โหมดถ่ายรูปต่าง ๆ ที่มีใน P20 อยู่กันครบถ้วนใน Honor 10 ไม่ว่าจะการถ่ายขาว ดำ / Portrait / วาดแสง / ใส่ลายน้ำภาพ ฯลฯ สิ่งที่แตกต่างชัด ๆ ในการถ่ายรูปคือ การแสดงผล AI ที่จะมาแค่ไอคอนว่า “ใช้ AI คำนวณให้แล้วนะ” ต่างกับฝั่ง P20 ที่จะบอกเลยว่า AI ที่กำลังทำงานอยู่คือโหมดไหน ความเร็วในการคำนวณ การถ่าย การทำงานของความสามารถทั้งหมดที่เกี่ยวกับกล้อง ออกมาไม่ต่างอะไรกับ P20 เลย เหลืออย่างเดียวที่แปะโป้งติดไว้ก่อนคือ “ไฟล์ออกมาดีเท่า P20 หรือเปล่า”
ส่งท้าย “มือถือที่ทำให้คนใช้ P20 มีงอน!!!”
ผมกะไว้อยู่ว่าบทความลองสัมผัสแรกนี้ จะสั้นหน่อย เพราะการไปเจอ Honor 10 ผมมีโจทย์ที่จับแค่ว่า “เรายังจำเป็นกับ 19,990 บาท อยู่หรือเปล่า?” สิ่งที่ Honor 10 ตอบมากับผม คือตัวเครื่องที่ดูดีไม่แพ้ต้นฉบับ เผลอ ๆ บางมุมดูเฟี้ยวฟ้าวกว่าด้วย การไม่มี Leica ติดหลังเครื่อง Honor 10 อาจลดความขลังไปบ้าง แต่สี Phantom Blue ก็ทำให้คนที่ซื้อ P20 แล้วอยากได้มือถือสีสวย มีเคือง และจุดที่ผมมองบนใส่ P20 Pro ตัวเองเต็มๆคือตัวอ่านลายนิ้วมือแบบซ่อนในกระจกซึ่งมันสวยกว่าและดูดีกว่าเห็นๆ
ยิ่งถ้าได้รู้สเปคข้างในของ Honor 10 แล้ว คนซื้อ P20 ไปก่อน อาจแอบถอนหายใจ แล้วกรอกตามองบนอีกเล็กน้อยเอาได้ แต่เอาจริง ๆ ผมยังมีความเชื่ออย่างหนึ่งเสมอว่า “ของที่ขายในราคาสูง ต้องมีบางสิ่งที่สมกับราคามันจริง ๆ “ และเชื่อว่า Huawei คงไม่เทความดีใส่ Honor จนเกินหน้าเกินตาต้นฉบับ P20 แน่นอน
จะรู้เรื่องหมดว่าเป็นอย่างไร ผมไล่ตัวเองไปเคลียร์งานเก่าให้หมดด่วน ๆ แล้วคงติดต่อยืมมาลองให้รู้เรื่องในเร็ว ๆ นี้ละครับ^^
ป.ล. Honor 10 วางขายราคา 13,990 บาท เริ่มวางจำหน่ายผ่าน Lazada วันที่ 6 มิถุนายน และผ่าน TG Fone, Big C ทุกสาขา และ CSC วันที่ 8 มิถุนายน เริ่มเปิดให้จอง 24 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป