ถ้าถามถึง TV Sony รุ่นใหม่ว่าปีนี้จะมีอะไรขาย? งาน Consumer Electric Showcase หรือ CES ที่จัดขึ้นช่วงเดือนมกราคมของทุกปีที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่า ในปีนั้น ๆ จะมี TV รุ่นไหนออกสู่ตลาดบ้าง สำหรับปี 2017 การมาถึงของจอแบบ OLED ครั้งแรกของ Sony เรียกเสียงว๊าวจากบรรดาแฟน ๆ ค่ายนี้ไปเต็ม ๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์โฆษณาของ TV รุ่นนี
Sony ไม่ใช่เจ้าแรกที่มีสินค้า OLED ในตลาด แต่การเปิดตัวทีหลัง ก็ต้องมาพร้อมกับความพร้อมและความเหนือที่ดีกว่าคู่แข่งเช่นกัน แล้ว TV OLED ของ Sony มีอะไรเด็ดบ้าง ในวันที่คู่แข่งตลาดนี้ยังไม่มาทาง OLED กันเท่าที่ควร แต่อย่างหนึ่งที่ผมเห็นแล้ว บอกได้ตรงนี้เลยว่า “ผมเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น หูได้ยิน จาก Sony BRAVIA OLED TV จริง ๆ”
เชิญอ่านกันต่อในหัวข้อถัดไปจากนี้กันเลยครับ
ไม่มีสิ่งรบกวนสายตา
การออกแบบด้านหน้าของ Sony BRAVIA OLED TV มาในแนวคิด One Slate Concept คือ กระจกแผ่นเดียวทั้งบาน ส่วนกรอบจอนั้น มีแค่บาง ๆ (มาก) โดยจุดประสงค์หลักของการออกแบบ คือการทำให้ผู้ชมไม่ละสายตาจากสิ่งที่ดูจริง ๆ เพราะ TV แบบเดิม ๆ กรอบที่หนาไป ขาตั้งที่เด่นชัดไป มักเผลอแย่งสายจากสายตาของเราขณะชม TV การออกแบบ OLED TV ของ Sony จึงให้ด้านหน้ามีแค่หน้าจอเต็มๆเท่านั้นเพื่อให้ภาพที่เห็นเต็มตาและถ้าใช้งานในห้องมืดด้วยแล้วภาพจะเด่นสุดโดยปริยายเช่นกัน
จากที่ยืนมองอยู่พักใหญ่ กรอบหน้าจอที่บาง ส่งผลทางจิตวิทยาเล็ก ๆ ว่า “มันดูเต็มตานะ” ในขณะเดียวกัน ความเป็น OLED ที่ให้สีดำลึก ยิ่งกลืนขอบจอสีดำให้หายไปจากสายตาโดยไม่รู้ตัวได้เช่นกัน ถ้าจะบอกว่าการหวังผลของงานออกแบบ Sony BRAVIA OLED ได้ผลตามที่ตั้งใจไหม? ก็คงถือว่าน่าจะได้ผลในการใช้งานจริงเช่นกัน
เบื้องหลังของความสวยของภาพ
การที่จะได้ภาพที่สวดสดงดงามแบบนี้ ให้นึกภาพคงนึกกันไม่ออกว่ามันต้องผ่านการทำเบื้องหลังภายในมาหนักหนาสาหัสขนาดไหน และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Sony BRAVIA OLED TV ตัวนี้ เพราะเบื้องหลังความงดงามของภาพ เกิดขึ้นจากชิปประมวลผลตัวเก่งอย่าง Sony X1 Extreme 4K HDR Processor ชื่ออาจจะคุ้น ๆ แต่ไม่ต้องงงครับ เพราะชิปตัวนี้ คือชิปตัวเดียวกับ Sony BRAVIA Z9D ตัวท็อปเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง
ความสามารถหลัก ๆ ของ X1 Extreme บน BRAVIA OLED TV จะไม่เหมือน Z9D ซักทีเดียว เพราะทุกอย่างถูกปรับแต่งอย่างพิถีพิถันเพื่อจอ OLED โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการคุมโทนแสง คอนทราสต์ สี และความดำที่เที่ยงตรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เมื่อทั้งหมดมาปรากฎอยู่บนหน้าจอ Triluminos Display อันเลื่องชื่อของโซนี่แล้ว ต้องบอกเลยว่าเมื่อยืนต่อหน้า BRAVIA OLED TV ตัวนี้ ความรู้สึกเหมือนโดนมนต์สะกดให้หลงไปกับภาพที่ปรากฎอยู่บนจอเลยทีเดียว
อ๊ะ ๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะดีแค่การดูภาพยนตร์ เพราะการดูละคร ดูซีรีส์ หรือดูทีวีโดยทั่วไป X1 Extreme ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันคู่ใจอย่าง 4K X-Reality ที่ช่วยในการปรับสเกลภาพให้เหมาะสม ไม่ใช่แค่ขยาย แต่ยังเก็บทุกรายละเอียดของภาพให้คมชัด กริบ ราวกับว่าคุณกำลังดูรายการเหล่านั้นบนความละเอียด 4K อยู่จริง ๆ
ไม่มีลำโพง แต่มีเสียงที่ดีมาก
ถ้ามองงานออกแบบ Sony BRAVIA OLED TV ให้ดี ๆ ความบางของจออาจทำให้หลายคนสงสัยว่า “เอาลำโพงไว้ตรงไหน” คำตอบที่ Sony ตอบให้ทุกคนรู้คือ “TV เครื่องนี้ไม่มีลำโพง” ไม่มีลำโพงแล้วเราจะดูยังไงให้มีเสียงละ? ลำโพงไม่มี แต่ Sony ใช้เทคโนโลยี Acousitc Surface หลักการทำงานคือ ด้านหลังของจอ จะมีแหล่งกำเนิดเสียงผ่านของแข็ง (Actuator) โดยฝังไว้ด้านหลังของจอ เมื่อมีเสียงที่ต้องขับออกมา Actuator จะสั่นใส่ด้านหลังหน้าจอโดยตรง เสียงที่ขับออกมา จะออกจากตรงกลางของหน้าจอเป็นหลัก ถ้าเอามือไปแตะกลางจอ จะพบว่ามีการสั่นของ Actuator ขณะให้เสียงเช่นกัน
เทคโนโลยี Acoustic Surface ให้เสียงที่ดัง ได้มิติที่ดีกว่าลำโพง TV ทั่วไปอย่างมาก ถ้าเปิดฉากเดียวกัน ความดังของเสียงที่เท่ากันเทียบด้วยแล้ว เสียงที่ได้จากเทคโนโลยี Acoustic Surface ได้ความสมจริงที่ดีกว่าชัดเจนทันทีที่ได้ฟัง กังวานกว่า มีน้ำหนักเสียงที่แน่นกว่า โดยในงานเปิดตัวอย่างเป็น Star Wars ภาค Return of the Jedi ขณะที่ยาน X-Wings ของฝ่ายกบฎกำลังสู้กับยานของกองทัพจักรวรรดิ์ เสียงยิงปืนเลเซอร์ที่ได้ยินจาก TV ของ Sony ดัง กังวาน และพุ่งเข้าหาคนดูกว่า ในขณะที่ TV ของคู่แข่งซึ่งเป็น OLED เหมือนกันแต่ลำโพงอยู่ด้านล่างหน้าจอเสียงเบากว่ามากกว่าอย่างชัดเจนทั้งที่เปิดความดังที่ระดับเท่ากันเอาไว้
ราคาและการวางจำหน่าย
สำหรับคนที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วสนใจอยากจับจองเป็นเจ้าของขึ้นมาสักเครื่อง ต้องบอกกันก่อนว่ารุ่นพิเศษแบบนี้ ไม่ได้ผลิตที่โรงงาน Sony ในมาเลเซียเหมือนรุ่นอื่นแต่อย่างใด เพราะว่าการผลิต OLED TV มีข้อจำกัดค่อนข้างสูง Sony จึงเลือกผลิตเฉพาะรุ่น OLED TV ที่โรงงานญี่ปุ่นเพียงที่เดียว และนำเข้ามาขายตามประเทศต่าง ๆ ต่อไป ซึ่งในบ้านเราสนนราคาจำหน่ายก็เหนาะ ๆ ครับ รุ่น 65 นิ้ว (KD-65A1) ราคาขายสนนที่ 229,990 บาท และรุ่น 55 นิ้ว (KD-55A1) ราคาขายสนนที่ 119,990 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ที่ตัวแทนจำหน่าย Sony ทุกแห่งทั่วประเทศ และทาง Sony Online Store
แต่ช้าก่อนครับ ถ้าคนที่อยากได้จริง ๆ Sony จะเปิด Pre-booking ให้จับจองเป็นเจ้าของได้ก่อนใคร ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2560 – 13 สิงหาคม 2560 ที่ร้าน Sony Store ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ โดยที่คนที่จองเสร็จ จ่ายมัดจำเสร็จ ในวันรับเครื่อง คุณจะได้ของแถมเป็นเครื่องเล่นเกม PlayStation 4 Pro พร้อมเกม Crash Bandicoot Remaster 1 แผ่น รวมมูลค่ากว่า 18,000 บาท ติดไปเป็นของแถมอีกด้วย
ส่งท้าย
ชื่อของ Sony กับ TV น่าจะเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความเชื่อถือดีกันอยู่แล้ว การนำ OLED มาลงตลาดอย่างเป็นทางการ ก็เป็นนัยสำคัญอย่างหนึ่งของตลาด TV ระดับบน ที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้มองหา นวัตกรรม ความสามารถที่ดีที่สุดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคงเป็นประสบการณ์ของตา / หู ที่สามารถสัมผัสได้ตรงหน้าว่า “มันแตกต่างจาก TV” ของ Sony ที่เคยมีมาจริงๆ
ในบรรรดา TV ระดับท็อปของตลาดตอนนี้ Sony BRAVIA OLED TV ถือว่าจัดเต็มมาดีพอจะสู้กับแบรนด์อื่นในตลาดได้ไม่ยากทั้งความสามารถราคาขายถือว่าน่าสนใจมากกับกลุ่มเป้าหมาย
คงเหลือแค่เรื่องเดียวคือ “เวลา” ว่าจอ OLED ของ Sony จะใช้งานได้ดี ทนทาน ลบคำสบประมาทของคู่แข่งที่เคยบอกว่า “จอ OLED ไม่ดีพอกับการเป็น TV” ได้หรือไม่ เวลาจากนี้อีก 3-5 ปีคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดครับ