10 พฤศจิกายน ถือเป็นวันดีที่ทุกเครือข่ายเริ่มเปิดให้บริการ eSIM สำหรับผู้ใช้ iPhone 2018 กันอย่างเป็นทางการกันเป็นวันแรก หลังจากที่เริ่มทดลองเปิดให้บริการกันมาได้ระยะหนึ่ง แน่นอนว่าถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ใช้ iPhone จะได้ใช้งานแบบสองซิมกับคนอื่นเขาเสียบ้าง เชื่อครับว่าแฟน ๆ iPhone น่าจะตั้งตารอกันอยู่ไม่น้อยถึงของใหม่ที่เราจะได้ใช้งานกัน และถือเป็นการเปิดโลกของการใช้ iPhone ไปอีกมุมหนึ่งก็ว่าได้ กับฟีเจอร์ใหม่ที่มีอยู่เฉพาะใน iPhone XS/iPhone XS Max และ iPhone XR อย่าง “eSIM” (Embedded SIM)
ก่อนจะเริ่ม eSIM เริ่มเปิดให้บริการแล้ววันนี้ทุกเครือข่าย โดยคนที่สนใจสามารถเข้าไปขอเปิดใช้บริการได้ที่ศูนย์บริการของแต่ละเครือข่ายที่ตัวเองสนใจได้เลย โดยขั้นตอนและเงื่อนไขในการเปิดใช้งานขึ้นอยู่กับแต่ละเครือข่ายโดยตรง
และที่สำคัญที่สุด ต้องขอขอบคุณทาง AIS และช็อป AIS สาขา Iconsiam สำหรับการเอื้อเฟื้อข้อมูลบริการอย่างละเอียด รวมถึงเอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายทำในครั้งนี้
https://www.youtube.com/watch?v=R0PBiGx94-k
eSIM คืออะไร? มีแล้วได้อะไร?
eSIM หรือชื่อเต็มของมันคือ Embedded SIM เป็นเทคโนโลยีการยืนยันตนด้วยการใช้ชิปที่ฝังอยู่ในเครื่องเป็นตัวกลางในการยืนยันตนของผู้ใช้กับผู้ให้บริการ เพื่อลดการใช้งานพลาสติกในการทำซิมการ์ดแบบปกติ (Phychical SIM) และลดจำนวนขยะอิเลคทรอนิกส์ลงไปได้เป็นจำนวนมาก
ประโยชน์ของการมี eSIM คงพูดได้เต็มปากเลยว่า เมื่อเราใช้ eSIM เราจะสามารถใช้โทรศัพท์ในขณะที่ไม่ได้ใส่ซิมการ์ดใด ๆ ก็ได้ และสามารถเพิ่มเบอร์เก็บเอาไว้ใน eSIM ได้ตามที่ต้องการ และที่สำคัญที่สุดเราไม่ต้องกังวลว่าซิมจะหาย หรือต้องมานั่งวุ่นวายกับการจิ้มถาดใส่ซิมกันอีกต่อไป เพราะเบอร์และข้อมูลยืนยันตนของเราทั้งหมด ถูกเก็บเอาไว้ในชิปที่ฝังอยู่ในเครื่องไว้เป็นอย่างดีเรียบร้อยแล้ว
เตรียมตัวก่อนใช้ eSIM
การขอเปิดใช้ eSIM นั่นไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากอะไรมาก โดยวันนี้เราจะมาเปิดใช้งานกับค่าย AIS ที่พร้อมให้บริการ eSIM แล้วที่ AIS Shop ทุกสาขาทั่วประเทศ รวม 157 สาขา ซึ่งสิ่งที่ทาง AIS ต้องการในวันยื่นคำร้องนั้นมีดังต่อไปนี้
- บัตรประจำตัวประชาชน ของเจ้าของหมายเลข (หรือหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมหนังสือมอบอำนาจ กรณีเป็นลูกค้านิติบุคคล)
- iPhone XS/XS Max หรือ XR ที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายทุกประเทศทั่วโลกที่ไม่ใช่จีน ฮ่องกง หรือไต้หวัน (Serial Number ลงท้ายด้วย CH/ZA) และอัพเดตเป็น iOS เวอร์ชันล่าสุด (12.1 ขึ้นไป)
- ซิมการ์ดตัวจริง (ถ้ามี)
เพียงแค่นี้เท่านั้นครับ ก็สามารถขอใช้ eSIM กับ AIS ได้ง่าย ๆ และทุกเครือข่ายก็น่าจะมีเงื่อนไขที่ไม่ต่างกันมากนัก
โดยทาง AIS เองก็มีข้อมูลการเปิด eSIM มาฝากเพิ่มเติมกัน ดังนี้
- การขอใช้ eSIM บน iPhone ถือว่าเป็นการเปลี่ยนซิมการ์ดใบใหม่ และเมื่อเปิดใช้งานแล้วจะมีการยกเลิกซิมการ์ดใบเก่า กรณีนี้จะแตกต่างจาก Apple Watch ตรงที่ Apple Watch ใช้รูปแบบของบริการ One Number เป็นพื้นฐาน ทำให้มีความต่างในกรณีที่เครื่องเสียหรือเครื่องหาย ผู้ใช้จะต้องไปขอยกเลิก eSIM ที่ศูนย์บริการแล้วออกเป็นซิมปกติมาใช้งานทดแทน
- เบอร์ที่นำมาใช้งาน สามารถใช้งานได้ทุกเบอร์ ต่อให้มีแค่เบอร์เดียวและติดสัญญาซื้อเครื่องอยู่ ก็สามารถขอใช้บริการ eSIM ได้ แต่มีข้อยกเว้นตรงที่ SIM 2 Fly หรือ Traveller SIM ไม่สามารถขอทำ eSIM ได้ (หมายเหตุ: ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป ลูกค้า SIM 2 Fly สามารถขอทำ eSIM ได้แล้ว โดยฟรีค่าธรรมเนียมถึงวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2562)
- ลูกค้าที่ใช้ Multi SIM จะต้องใช้ซิมหลักในการทำ eSIM เท่านั้น
- ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเปิดเบอร์ใหม่เพื่อสมัครใช้งาน eSIM
ขั้นตอนในการขอเปิดใช้งาน
ขั้นตอนในการเปิดใช้งานก็ง่ายถึงง่ายมากครับ มีขั้นตอนไม่กี่ข้อเท่านั้น นั่นคือ
- ไปที่ช็อป AIS ที่ใกล้ที่สุด แล้วแจ้งพนักงานว่าต้องการใช้งาน eSIM พนักงานจะเริ่มจากการตรวจสอบหมายเลขว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ และขอตรวจสอบอุปกรณ์ว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ ถ้าอุปกรณ์ไม่สามารถใช้งานได้ พนักงานจะชี้แจงให้ทราบทันทีว่าอุปกรณ์ที่จะใช้งานเป็นคนละโมเดลกัน หากแต่อุปกรณ์ที่นำมาสามารถใช้งานได้ พนักงานก็จะดำเนินเรื่องที่หลังบ้านของ AIS ภายในเวลาไม่กี่นาทีเราจะได้กระดาษยาว ๆ หนึ่งแผ่น ทีข้างในนั้นเป็น QR Code
- QR Code ที่ได้ถือเป็นซิมการ์ดใบใหม่ของเรา เมื่อพนักงานดำเนินการที่ระบบหลังบ้านเสร็จสิ้น ให้เราเปิดเครื่องแล้วเข้าไปที่เมนู Settings > Carrier แล้วเลือก “Add new cellular plan”
- สแกน QR Code ที่ได้รับเพื่อเพิ่มบริการ ซึ่งเมื่อเราสแกนเสร็จ ตัวเครื่องจะใช้เวลาไม่นานในการต่อสัญญาณ และเมื่อต่อสำเร็จ ที่เสาสัญญาณ จะมีขีดสัญญาณเส้นที่สอง เป็นเส้นเล็ก ๆ ปรากฎอยู่ด้านล่างขีดสัญญาณของซิมหลักที่ใช้งานอยู่ แล้วเมื่อลาก Control Center ลงมา จะปรากฎชื่อ AIS พร้อมสัญลักษณ์ S ที่สื่อถึงความเป็น Secondary SIM ทันที
- หลังจากที่ตัวเครื่องสามารถต่อสัญญาณได้แล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการกำหนดค่าว่าจะใช้สองซิมอย่างไร จะใช้ซิมไหนเป็นค่าปกติของการโทร ใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือการส่ง SMS/MMS รวมถึงจะตั้งชื่อซิมทั้งสองว่าอะไร เมื่อกำหนดค่าเสร็จสิ้น เราก็สามารถใช้งานได้ทันที
ทดลองใช้งาน eSIM
ในการใช้งานจริง มันง่ายมากแบบที่ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเลย เปิดเครื่องใช้งาน สัญญาณของทั้ง 2 ซิมจะติดขึ้นมาแบบพร้อมใช้อัตโนมัติ โดยเบอร์หลักเป็นซิมการ์ดเครื่องจะใช้สถานะว่า “Primary” ส่วนเบอร์ที่ 2 ที่เป็น eSIM คือ “Secondary” โดยที่เสาสัญญาณของเครื่อง แถบสัญญาณด้านบนที่เป็นแท่งเรียงจากเตี้ยไปสูง คือสัญญาณของซิมการ์ดใบหลัก ส่วนสัญญาณแบบจุดวงกลมเรียงกัน เป็นสัญญาณของซิมการ์ดใบที่เป็น eSIM
โทรศัพท์
เมื่อมีคนโทรเข้ามา ไม่ว่าจะโทรมาติดเบอร์ไหน ก็สามารถรับสายได้ทันที ไม่ว่าตอนนั้นสถานะที่เราตั้งค่าจะให้ซิมการ์ดใบไหนเป็นหลักในการโทรออก / ใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยชณะที่โทรเข้ามา จะบอกด้วยว่า เบอร์ที่โทรหาเรา โทรเข้ามาที่เบอร์หลักหรือเบอร์ที่ 2
เวลาจะโทรออก ถ้าโทรออกผ่านหน้าแป้นกดตัวเลขเพื่อโทรออก ด้านบนเของหน้าจอ จะมีสถานะบอกว่า เรากำลังใช้ซิมการ์ดไหนในการโทรออก หากต้องการเปลี่ยนเบอร์ที่จะโทรออก แค่แตะที่สถานะด้านบน แล้วเลือกเบอร์ที่จะใช้ในการโทรออกได้ทันที
สมุดโทรศัพท์ของเครื่อง สามารถตั้งค่าในรายชื่อได้ว่า เบอร์ที่ใช้อยู่ จะบังคับให้โทรออกด้วยเบอร์หลักหรือเบอร์รองได้ทันที ฉะนั้นแล้ว เราสามารถจัดระเบียบได้เลยว่า ชื่อที่เราบันทึกอยู่ เวลาโทรออก จะเป็นเบอร์อะไรโทรออก ซึ่งถ้าไม่ได้ตั้งค่าตรงนี้ ทุกรายชื่อจะการตั้งค่าเริ่มต้นโทรออกด้วยเบอร์หลักที่เป็นซิมการ์ดแบบใบ
ในส่วน ประวัติการโทร แต่ละประวัติจะมีการบอกว่า โทรด้วยเบอร์หลักหรือเบอร์ที่ 2 ซึ่งเบอร์หลักจะใช้ตัวย่อเป็น “P” ส่วนเบอร์รองเป็น “S” ถ้าแตะโทรออกจากส่วนประวัติการโทร จะโทรออกด้วยเบอร์ที่เราใช้โทรหาล่าสุด ซึ่งถ้าจะเลือกโทรหาชื่อเดิม แต่เป็นอีกเบอร์ ให้แตะสัญลักษณ์ i แล้วเข้าไปเลือกว่าจะเอาเบอร์ไหนโทรออกอีกที
และอย่างสุดท้าย เบอร์ที่สอง สามารถปิดเบอร์แบบสถานะเหมือนปิดเครื่องได้ โดยเข้าไปที่ Settings > Cellular ในส่วน Cellular Plan แตะไปที่เบอร์ที่สอง แล้วเลือก เปิดหรือปิดสัญญาณ จากหัวข้อ Turn On This Line ได้ทันที ส่วนเบอร์หลัก จะอิงการเปิด/ปิด ที่การเปิดหรือปิดเครื่องในขณะนั้น
ข้อความ
ในส่วนข้อความ การส่งข้อความใหม่ออกไป หากปลายทางไม่ได้ใช้ iMessage ระบบจะให้เลือกว่า เราจะส่งข้อความด้วยเบอร์หลักหรือเบอร์ที่ส่งก่อนส่งได้ โดยวิธีการสลับ ทำแบบเดียวกับการโทรออก หรือแตะเลือกที่สถานะ แล้วเลือกเบอร์ที่ต้องการส่งออก
ในส่วนข้อความเข้า จะมีการระบุให้ว่า ข้อความถูกส่งมาเข้าเบอร์หลักหรือเบอร์ที่ 2 โดยการตอบกลับ จะใช้เบอร์ที่ได้รับเป็นการตอบกลับ
ในส่วน iMessage เนื่องจาก iPhone สามารถตั้งต่าเบื้องต้นการส่งออกเป็นเบอร์โทรศัพท์ได้ การตั้งค่ามาตราฐานในการส่งข้อความออก จึงเป็นของเบอร์หลัก แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนให้การส่งข้อความออก เป็นเบอร์ที่สองได้ ในเมนูตั้งค่า->ข้อความ แล้วเลือกว่า iMessage กับ FaceTime จะใช้เบอร์ไหนเป็นต่าเริ่มต้น
อินเทอร์เน็ต
เดี๋ยวนี้เราใช้ data เป็นหลักกันแล้ว ในการใช้งานหลัก อินเทอร์เน็ตจะอิงกับซิมหลัก แต่ถ้าใช้งานอยู่ แล้วอยากสลับไปใช้ อินเทอร์เน็ตของซิมใบที่ 2 โดยเช้าไปที่ Settings -> Cellular -> Cellular data แล้วเลือกซิมใบที่ 2 เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เลย
ที่สำคัญ iPhone สามารถตั้งค่าให้สลับอินเทอร์เน็ตอัตโนมัติเมื่อมีการโทรเข้า ซึ่งการตั้งค่านี้ แนะนำกับคนที่ทั้ง 2 เบอร์ มีแพคเกจอินเทอร์เน็ตที่มากพอใช้ทั้งเดือน และมีการใช้งานแบบ โทรศัพท์โทรหาทั้งสองเบอร์ตลอดเวลา เพราะถ้าสลับหนึ่งครั้ง ระบบจะค้างเน็ตที่ซิมที่ถูกสลับไป จนกว่ามีการโทรเข้าซิมที่ถูกใช้งานอินเทอร์เน็ตปัจจุบัน ระบบจึงจะสลับการใช้งานอินเทอร์เน็ตกลับไปอีกซิมทีหลัง
ทั้งนี้ ความสามารถอื่น ๆ อย่าง VoLTE / VoWi-Fi รองรับกับซิมใบที่ 2 ด้วย
ส่งท้าย
การใช้งาน eSIM ถ้าอ่านแค่ตัวอักษรบทความนี้ อาจจะยัง “งง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพียงแค่เรามีเบอร์อะไรก็ได้ที่เราอยากใช้ เบอร์นั้นมีแพคเกจใช้งานอยู่ ก็สามารถเอาเบอร์นั้รไปสมัคร eSIM ได้เลย และในการใช้งานจริง ผู้ใช้งานแทบไม่ต้องปรับอะไรเป็นพิเศษ ก็สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ครบทุกมุมด้วยเช่นกัน แถมให้เล็กน้อยด้วยว่า ในการใช้งานจริง แบตเตอรี่ไม่ได้ลดลงเป็นพิเศษ เรียกว่าพอ ๆ กับตอนใช้ซิมแค่ใบเดียวด้วยซ้ำครับ
สำหรับ iPhone XS / XS Max / XR และ iPad Pro 2018 คืออุปกรณ์ที่รองรับ eSIM เต็มรูปแบบ และอนาคต โทรศัพท์ฝั่ง Android เอง ก็น่าจะมาใช้เทคโนโลยีนี้ด้วย เพราะ eSIM ถือเป็นรากฐานหนึ่งของ 5G ที่จะมาในอนาคตด้วย
ใครที่พกมือถือสองเครื่อง เพราะต้องใช้สองเบอร์ เหลือแค่ iPhone เครื่องเดียว แต่ใช้สองเบอร์ได้ครบแน่นอนครับ ^^