ลอง(นิดหน่อย)แล้วเล่า : Nokia 9 PureVew “ความดีมีมากไม่เท่าความเร้าใจ”

นานสักพักใหญ่ อย่างน้อยก็ช่วงกลางถึงปลายปี 2018 ที่ข่าวของ Nokia รุ่นท็อปสุดในยุค HMD Global กำลังจะทำคลอดในเร็ว ๆ นี้ โดยเป็นการนำเลขซีรีส์ 9 ที่เคยใช้กับ Communicate ที่ถือเป็นรุ่นที่บอกถึงเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ในเวลานั้น ผสานกับชื่อเทคโนโลยี PureView ที่ครั้งหนึ่ง Nokia สามารถพามือถือให้ถ่ายรูปได้สุดยอดไม่แพ้การใช้กล้องถ่ายรูปจริง เมื่อทั้งคู่ผสานกัน คนที่ติดตามข่าวหรือชอบเล่น Gadget ทั้งหลาย ย่อมรอชมว่า Nokia Series 9 ผสานกล้องเทคโนโลยี PureView ด้วยแล้ว จะออกมาเป็นเช่นไร……………………..

ครับ กลับมาต่อละครับ ใช่ครับ หลังจากย่อหน้าแรก มันใช้เวลานานมาก มากชนิดที่ผมเกือบลืมไปแล้วว่า มันยังต้องเปิดตัวนะ เพราะกระแสโดยรวมมันเงียบจนน่าใจหาย และวันนี้ HMD ประเทศไทย ก็พร้อมทำคลอด Smartphone รุ่นท็อปที่สุดใน Nokia ยุคใหม่นี้ สัมผัสแรกที่ได้รับ ก็ถือว่าพอคุ้มกับที่รอคอยอยู่ เพราะว่า….

จุดที่คนบ่นไม่สวย คือจุดที่ดูดีที่สุด

เมื่อพูดถึง Nokia 9 PureView เสียงส่วนใหญ่ ไม่ชอบงานออกแบบส่วนกล้อง ที่เป็นเลนส์ห้าชิ้น กระจายรอบ ๆ เหมือนลูกแก้วมังกรในดราก้อนบอลกำลังรวมตัวกัน แต่เครื่องจริง ตำแหน่งกล้องถ่ายรูปเมื่อรวมกับผิวกระจกหลังแบบเงา ซึ่งเป็นความตั้งใจของทีมออกแบบ ที่ต้องการให้กล้องถ่ายรูปไม่นูนขึ้นมาแบบแบรนด์อื่น ๆ ด้านหลังกระจกสีน้ำเงินเข้ม อีกนิดนึงจะดูเป็นผิวมังคุดโทน N86 ผมไม่แน่ใจว่าคนอื่นที่ได้เห็นเครื่องจริง จะยังกลัวการจัดวางกล้องแบบนี้เหมือนที่เห็นในรูปหรือไม่ แต่ผมคนหนึ่งที่เห็นแล้ว เอยปากขึ้นมาแบบอัตโนมัติเลยว่า “เห้ย ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนี่หว่า” เอาเข้าจริง ๆ ความสะท้อนของกระจกหลังทั้งชุด สีเครื่องที่เข้ม ก็ขับให้งานออกแบบกล้องทรงลูกแก้วมังกร ออกมาไม่ได้น่ากลัวเท่าที่รู้สึกตอนแรกเห็น

แต่จุดที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่ชอบ เข้าขั้นว่าไม่สวย คือด้านหน้าของเครื่องโดยรวม มันคือการทำกรอบสีดำรอบหน้าจอที่น่าเสียดายพื้นที่การใช้งาน งานออกแบบด้านหน้าที่มีขอบหน้าจอด้านบนกับล่าง แนวเดียวกับ Infinity Display ของ Galaxy S8 / S9 แต่ขอบบนกับล่างหนากว่าแบบคนละเรื่อง ถ้ากรอบส่วนล่างบางลงกว่านี้สัก 20% หรือทำให้เท่ากับด้านบนเป๊ะ ๆ ถึงจะหนา แต่ถือว่าพอรับได้ ทั้งนี้ ถ้าบีบให้ใกล้เคียงกับ Infinity Display ใน Galaxy S8 / S9 ได้ จะส่งเสริมให้งานออกแบบเครื่องดูสวยแบบไร้ที่ติเลยทีเดียว

ในขณะส่วนอื่นอย่างสันกลางเครื่อง ขอบหน้าจอที่ตัวด้วยหัวเพชร เป็นสิ่งที่สวย ดูดี แต่ถ้ามองไปที่ทิศทางการออกแบบ Smartphone ในระดับรุ่นท็อปที่นิยมใช้กระจกแบบขอบโค้งมาบรรจบกับแกนกลางมากกว่า ก็เป็นจุดที่ทำให้ Nokia 9 PureView สวย แต่ไม่ทันสมัยเท่าที่ควรจะเป็น

ถึงเรื่องหน้าตาอาจไม่ได้ดูดีที่สุด แต่จุดที่ดีเหนือหน้าตาแบบไปไกลมากก็คือ

“เข้ามือดีจนไม่อยากให้มีเคสมาเกะกะ”

ใช่ครับ มิติเครื่องรวม ๆ ให้การจับถือมือเดียวที่ดีแบบไม่มีข้อติอะไรเลย การวาดนิ้วโป้งรอบจอ ทำได้ง่ายมาก ในครึ่งจอด้านล่างของการถือมือเดียว สามารถควบคุมได้สบายมาก ในขณะที่ตำแหน่งปุ่มปรับเสียง ล็อคหน้าจอ ที่วางตรงสันเครื่อง สามารถขยับนิ้วโป้งไปกดปุ่มเหล่านี้ได้ง่าย โดยที่ไม่ต้องปรับตำแหน่งอุ้งมือเท่าที่ควร อาจจะยากสำหรับอุ้งมือคุณสุภาพสตรีสักหน่อย แต่ถ้าคุณสุภาพบุรุษที่ไม่ตัวเล็กเกินไป รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่นอน และสิ่งที่ทำให้เครื่องมีเสน่ห์แบบลืมงานออกแบบขาด ๆ เกิน ๆ คือน้ำหนักเครื่อง ในยุคที่ Smartphone ส่วนใหญ่ ค่อนข้างสัมผัสได้ว่า มีน้ำหนัก แต่ Nokia 9 PureView กลับทำเครื่องออกมาได้เบา สมดุลทุกส่วนของเครื่อง ไม่ว่าจะถือแนวตั้งหรือแนวนอน ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบมาก ถือใช้งานนาน ๆ จัดว่าสบายมากที่สุดในตลาดเครื่องหนึ่ง และความเบาของเครื่อง ไม่ใช่ความเบาแบบเครื่องดูไม่มั่นคงเช่นกัน

สเปคไม่ได้แย่ แต่...

โดยสเปคของ Nokia 9 PureView ที่ใช้ Android One. ด้วยสเปคหลักที่เป็น Snapdragon 845 กับ RAM 6GB อาจไม่ใช่สเปคที่ล่าสุด แต่ถ้าเทียบระหว่าง Hardware กับ Software ที่ใช้งาน ผลลัพธ์ที่ได้ ควรจะออกมาดีมาก แต่ในความเป็นจริง การตอบสนองพื้นฐานที่สามารถที่มองเห็นได้ทุกการสัมผัส เห็นได้ชัดว่ายังไม่ลื่นพอ ยิ่งถ้าเอามือถือที่ทำสเปคหลัก+ซอฟท์แวร์ที่มาแนวเดียวกันมาเทียบ จะเห็นได้เลยว่าความคล่องแคล่วของเครื่อง สามารถทำให้ดีกว่านี้อีกแน่นอน ซึ่งนั้นรวมถึงกล้องถ่ายรูปของเครื่อง ภาพตัวอย่างที่ได้ชม มีศักยภาพที่น่าสนใจมาก แต่ความเร็วในการตอบสนองทุกมิติการใช้งาน ใข้เวลานานระดับที่สังเกตได้ว่า “ทำงานช้าเกินไป” เมื่อเทียบกับการใช้ Android One + สเปคเครื่องที่จับ Android แต่งหนัก ๆ ลงใช้งานได้สบาย ๆ ผลรวมของ Nokia 9 Pureview จึงควรทำได้ดีกว่านี้

ปัญหานี้ขอแค่ช่วยจับไปฟิตให้คล่องตัวกว่านี้ ทำงานได้ลื่นไหลกว่านี้อีก 20-30% ในอัพเดทแรก ๆ หลังวางขายจากนี้ จะช่วยให้การใช้งานออกมาดีกว่าที่ได้ลองแน่นอน

เครื่องไม่ได้แย่ เก่งไม่เป็นรอง ราคาก็พอไหว ที่ขาดไปคือ...

มาถึงตอนนี้ คงจะยืนยันได้ว่า HMD ต้องทำการบ้านให้ตัวเองหนักมาก หากจะพา Nokia กลับมายืนในจุดที่สมควรอยู่ ปัจจัยที่มีในมือของ Nokia เอาจริง ๆ ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เล่นเจ้าอื่นในตลาด Android ด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับ Nokia 9 PureView ที่ให้สัมผัสแรกค่อนข้างน่าประทับใจ เอาจริง ๆ แค่แก้ Firmware ทั้งหมดให้เครื่องทำงานลื่นกว่านี้ ก็น่าประทับใจแล้ว และเอาจริง ๆ ราคาที่วางไว้ 18,900 บาท เทียบกับสเปคแล้ว ถือว่าพอรับได้อยู่ ยิ่งถ้าเทียบกับคู่แข่งสายตรงที่มีอยู่ ก็เรียกว่ามีจุดน่าสนใจที่มากกว่าด้วยซ้ำ

เอาเป็นว่า ถ้า HMD สามารถสร้างอัตลักษณ์ด้าน UI กระชับการดำเนินการให้คล่องตัวกว่านี้ได้ การได้เห็น Nokia กลับมาอยู่ในจุดที่แข่งขันได้อีกครั้งจะกลับมาชัดเจนมากขึ้นแน่นอน

ไม่งั้นแล้ว คงเป็นได้แค่ของดีที่ขาดเสน่ห์ต่อไปแบบนี้ต่อไป…

ไม่ได้มาแค่ 9 แต่พาเหรดรุ่นน้องมาด้วย

นอกจาก Nokia 9 แล้ว HMD Global ประเทศไทย ยังได้พารุ่นน้องของเจ้า Nokia Series 2019 มาร่วมเปิดตัวในประเทศไทยด้วยเช่นกัน มีหลากหลายรุ่นตามราคา ดังต่อไปนี้ครับ

Nokia 9 PureView (สีน้ำเงินมิดไนท์บลู) ความจุแรม 6GB และรอม 128GB ราคา 18,900 บาท พร้อมใช้โค้ด EXNOKIA9 รับ Shopee Coin มูลค่า 1,000 เหรียญ
Nokia 8.1 (สีบลูสตีล, สีไอรอนสตีล) ความจุแรม 6GB และรอม 128GB ราคา 11,490 บาท พร้อมใช้โค้ด EXNK1000 รับ Shopee Coin มูลค่า 1,000 เหรียญ
Nokia 4.2 (สีดำ) ความจุแรม 3GB และรอม 32GB ราคา 5,290 บาท พร้อมใช้โค้ด EXNK400 รับ Shopee Coin มูลค่า 400 เหรียญ
Nokia 3.2 (สีดำ) ความจุแรม จุ 3GB และรอม 32GB ราคา 4,790 บาท พร้อมใช้โค้ด EXNOKIA400 รับ Shopee Coin มูลค่า 400 เหรียญ
Nokia 2.2 (สีดำ, สีสตีล) ความจุแรม 2GB และรอม 16GB ราคา 2,990 บาทพร้อมใช้โค้ด EXNK250 รับ Shopee Coin มูลค่า 250 เหรียญ
Nokia 2.2 (สีดำ) ความจุแรม 3GB และรอม 32GB ราคา 3,590 บาท พร้อมใช้โค้ด EXNK250 รับ Shopee Coin มูลค่า 250 เหรียญ