สัจธรรมที่กล่าวว่า ไม่มีอะไรอยู่ถาวร เป็นเรื่องที่ใช้ได้กับทุกอย่าง ขนาดวงการ Smartphone ที่ทุกวันนี้ ผู้เล่นในตลาด ก็คือหน้าเดิมทั้งหมด ที่เปลี่ยนไปคือกาลเวลาของตลาด ปัจจัยต่าง ๆ ทำให้ตลาดนี้ ยังคงความสนุก ความท้าทาย และ Samsung เอง ก็กำลังอยู่ในจุดที่ว่านี้อยู่ การต่อสู้กับ Smartphone จากจีน ที่ชูความหวือหวา ในราคาที่เรียกแขกในสามสี่ปีหลังนี้ น่าจะสร้างความอึดอัดให้ Samsung พอสมควร
การได้เห็น Samsung ปรับทิศทางการตลาดของรุ่นเริ่มต้นมาถึงรุ่นกลางของค่าย เป็นสัญญาณที่ดี ไม่ว่าจะ A7 / A9 ในปีที่แล้ว ที่ถือว่าพอกลับมาลุยตลาดได้ มาจนถึง A Series ที่มีตั้งแต่ไม่กี่พัน จนถึงรุ่นท็อปสุดของตระกูลอย่าง A80 ที่ทาง Samsung ขออวดเลยว่า BlackPink Boxset ได้มาขายมากที่สุดในย่านนี้ถึง 3 เท่า และขายเข้าเป้าเรียบร้อย
ปลายปีมาแล้ว เพื่อให้ A Series สามารถสู้กับตลาดเริ่มต้นไปถึงตลาดระดับกลางได้ถนัดมือขึ้น A10s / A20s / A30s / A50s คือสี่กุมารล่าสุดที่จะรักษายอดตลาดนี้ไว้ โดยบทความลองแล้วเล่ารอบนี้ พระเอกคือ A50s ซึ่งในบทความนี้ เป็นการเดินทางไปลองถึงกาญจนบุรี ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน ที่เอามาอยู่ด้วยกัน
A Series สำคัญอย่างไรกับ Samsung?
ถ้าไม่นับ Galaxy S กับ Note ที่ถือว่าอยู่ตลาดระดับบน (S = Photography, Lifestyle / Note = Power User, Pro User) ตลาดระดับราคาย่อมเยาว์ มาถึงราคากลาง แต่ยังค่อนไปทางย่อมเยาว์ คือหน้าที่ของ Galaxy J ส่วน Galaxy A หรือ Galaxy Alpha เดิม ก็ทำหน้าที่ในตลาดกลาง มาถึงกลางค่อนบนมาโดยตลอด จนกระทั่งสภาพการแข่งขันเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ Samsung ต้องปรับกลยุทธ์ในการขายด้วยเช่นกัน นั่นคือการปรับให้ A มาทำตลาดตั้งแต่รุ่นย่อมเยาว์ ลากมาถึงรุ่นกลางค่อนบน เราจึงได้เห็นกลยุทธ์ที่นำมาใช้ตลอดปีนี้อย่างการออกดอกออกผลใน A Series หลาย ๆ รุ่น ตั้งแต่ A10 จนถึง A90 และนั่นจึงทำให้กลุ่มเป้าหมายหลักของ A Series ที่วางไว้ เปลี่ยนไปจากคนที่อยากได้มือถือระดับเรือธงในราคาย่อมเยาว์ มาเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่น Gen Z รวมถึงกวาดลูกค้าที่ใช้ Galaxy J ขึ้นมาให้หมดด้วย
ยอดขายของ A Series ในตอนนี้ เป็นเด็กผู้ชายประมาณ 56% และ เด็กผู้หญิงอีก 44% ซึ่งเป็นไปตามที่ Samsung ตั้งเป้าเอาไว้
ลองของ Galaxy A50s
ตัวเครื่องเป็นพลาสติกเงาทั้งหมด แต่ให้งานประกอบที่แน่นหนา ไม่มีจุดไหนที่ดูแล้ว ไม่เรียบร้อยหรือดูไม่มั่นคง น้ำหนักเครื่อง 169 กรัม ตามสเปกที่ Samsung บอกมา ไม่ได้ให้ความรู้สึที่เบากว่าความเป็นจริง การกระจายน้ำหนักทั้งเครื่องทำได้ดีมาก ไม่มีจุดไหนถ่วง หรือทำให้รู้สึกว่าถือเครื่องแล้วหนัก ความบาง 7.7mm ก็ช่วยทำให้การใช้งานจอ 6.4 นิ้ว ด้วยมือข้างเดียว สามารถกวาดนิ้วโป้งในครึ่งจอล่างที่จำเป็นได้คล่องแคล่ว ถึงเครื่องอาจจะลื่นไปบ้าง แต่ถ้าเป็นคนอุ้งมือใหญ่ประมาณหนึ่ง หรือใช้มือถือจอใหญ่มาคล่องแล้ว A50s จะกลายเป็นมือถือใช้ง่ายไปเองแน่นอน
ไหน ๆ เล่าเรื่องจอแล้ว แถมลำโพงหน่อยละกันว่า เห็นมีลำโพงตัวเดียว แต่ให้อรรถรสในการดูหนัง ดูคลิปที่ไม่แย่เลย เปิดลำโพงดูหนัง ดูคลิป ก็ไม่แย่เลย และ A50s รองรับหูฟัง 3.5mm กับ Dolby Atmos (ทำงานผ่านหูฟัง) ด้วยเช่นกัน
กิจกรรมหลักของทริปนี้ คือจุดขายเรื่องกล้อง โดยกล้องด้านหลัง เลนส์หลักความละเอียด 48MP f 2.0 / เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8MP f2.2 เก็บได้กว้าง 123 องศา / เลนส์แบบชัดลึก ชัดตื้น (Depth Camera) ความละเอียด 5MP และให้แฟลชช่วยถ่ายแบบ LED มา
สิ่งที่ดีงามของ A50s คือการทำงานโดยรวมของกล้อง ถ้าภาพของมือถือระดับราคาเฉียดหมื่น หรือเกินหมื่นมาเล็กน้อย ต้องได้กล้องที่ ติดช้านิด ๆ ถ่ายนัว ๆ เละหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นอวดเพื่อนไม่ได้ A50s ช่วยลบความคิดนั้นออกไปเรียบร้อย เปิดกล้องได้เร็ว AI ที่คำนวณได้พอกับกล้องของ Galaxy S / Note ถ้าใช้งาน Live Focus ก็ตอบสนองได้รวดเร็วในการคำนวณระยะ ละลายฉากหลัง แล้วให้เรากดถ่ายได้เลย รวมถึงถ้าจะแต่งความเบลอหลัง ก็ตอบสนองได้เร็วพอ ในขณะที่ Ultra Wide ทำออกมาให้ใช้ได้ค่อนข้างง่าย แต่ติงนิดเดียว คือการจัดสัดส่วนภาพ น่าจะดูสมส่วนกว่านี้อีกเล็กน้อย ในขณะที่กล้องส่วนปกติ ไม่ว่าจะภาพนิ่งที่ถ่ายได้สวยขึ้นมาก แบบที่มือถือราคาเดียวกันนี้เมื่อช่วงปีสองปีที่ผ่านมา กลายเป็นคนละชั้นไปเลย ในขณะที่กล้องวีดีโอ ก็ให้ Super Sterdy ที่จากการลองใช้งานดู สามารถเก็บอาการสั่นแบบพึ่งพาได้ ฉะนั้นแล้ว ถึงวีดีโออาจไม่ได้สวยเป๊ะเท่ารุ่นพี่อย่าง S หรือ Note แต่เรื่องนิ่ง เนียน ก็พอทำให้การถ่ายวีดีโอพึ่งพากันได้แล้ว ฉะนั้นในสัมผัสแรกของ A50s ในเรื่องกล้อง ถือว่าล้างความคิดสามัญที่ว่า “ของถูก ก็ทำได้แค่นี้แหละ จะเอาอะไรมาก” ออกไปได้ดีเลยทีเดียว
อ้อ!!! มี AR Doodle แบบ Note 10 ให้ด้วยนะครับ แต่หลังจากเล่นกล้องของ A50s เสร็จ ก็เจอสิ่งที่ขาด นั้นคือ…ช่วยใส่ Instagram ในกล้องแบบรุ่นพี่มาด้วยนะครับ ไหน ๆ จะขายเด็กวัยรุ่นทั้งที มี #WithGalaxy มันเก๋ไก๋ ได้ใจเห็น ๆ ครับ : )
ในเมื่อ Galaxy A50s ใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้จอ ตัวผมเอง มีประสบการณ์ที่แย่มากกับ Galaxy S10+ พอจะรู้สึกดีขึ้นบ้างกับตอน Note 10+ แต่พอมาบอกว่า รุ่นหมื่นเดียวจะใส่สแกนลายนิ้วมือใต้จอ ความหวาดระแวงส่วนตัวผมก็โผล่ขึ้นมาในใจว่า “ขนาดรุ่นพี่ยังออกลูกผีลูกคนนะ” แต่ในการลองติดตั้งลายนิ้วมือ แล้วใช้งานเครื่องเหมือนเป็นเครื่องตัวเอง การตอบสนองโดยรวม ถือว่าแทบไม่มีช็อตสแกนไม่ติด มีแต่สแกนได้ช้าหน่อย ละก็ถ้านิ้วเปียกจริง ๆ อันนี้สแกนไม่ค่อยติด ซึ่งเป็นข้อจำกัดอยู่แล้ว ฉะนั้น สแกนลายนิ้วมือใน A50s ทำงานได้แม่น ปรับแค่ความเร็วให้ฉับไวกว่านี้หน่อย Galaxy S10 รุ่นพี่ก็มีค้อนได้แล้ว อ้อ…ตอนสแกนแล้วมีวงแสงสีเขียวล้อมรอบ เป็นเอฟเฟกต์ที่สวยนะครับ ชอบ ^^
ก่อนจะจบการลอง ไหน ๆ เครื่องต้องนอนกับผมหนึ่งคืน ก็เลยลองชาร์จแบตเตอรี่ เริ่มต้นที่ 64% ไป 100% ด้วย Fast Charge แบบ 15W ใช้เวลาประมาณ 40 นาที สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เวลา แต่มือถือรุ่นกลางค่อนไปทางเล็กแบบนี้ มี Fast Charge ประมาณนี้ เป็นอะไรที่ดีมาก เพราะถ้าอยากได้อะไรแนวนี้ มือถือระดับราคานี้ ก็ยังให้ไม่ได้เช่นกัน
สรุป “ไม่ได้ยิ้มเพราะเล่นมือถือมานานแล้ว”
ตั้งแต่โลกขึ้นยุค Smartphone สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น คือการแบ่งชนชั้นทางประสบการณ์ที่รุนแรงมาก ถึงหลักการทางกลไกลของสินค้าเทคโนโลยี คือเวลาที่ผ่านไป ทำให้เทคโนโลยีถูกลง แต่กว่าที่เทคโนโลยีพื้นฐานดี ๆ จะลงมาให้คนกลุ่มที่ มองมือถือเป็นของใช้ หรือซื้อด้วยความรู้สึกว่า การจ่ายเงินไป ต้องคุ้มค่าสุด ๆ ก็ต้องรอนานถึงนานมาก จน A50s ที่อยู่กันหนึ่งวัน หนึ่งคืน คือตัวแทนทางความรู้สึกที่ทำให้ผมยิ้มได้ว่า คนที่เก็บเงินจริงจัง เพื่อมือถือสักเครื่อง จะได้ใช้ของที่ให้อารมณ์ใกล้กับเครื่องรุ่นท็อปได้จริง ๆ มันเกิดขึ้นแล้ว
ที่ผมเล่าแบบนี้ เพราะปลายปีที่แล้ว ผมได้ใช้ชีวิตกับ Samsung Galaxy A9 ที่ชูจุดขายมี 4 กล้อง สเปกกับราคาที่วางมา โอเคนะ ขายเกือบสองหมื่น แต่ประสบการณ์ที่ได้อยู่ด้วยกัน มันคือความเลวร้ายครั้งนึง เมื่อหน้าตา UI แบบ Samsung ก่อน One UI (Samsung TouchWiz …) ผสมกับความช้าในการตอบสนอง กล้องที่เหมือนมีแต่ปริมาณเลนส์ แต่ถ่ายจริงหาอะไรถูกใจไม่เจอเลย มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ ยิ่งถ้าเอาอดีตที่ผ่านมา ทั้ง A รุ่นเก่า ๆ ถอยไปยัน Copper เลยก็ได้ ผมก็ไม่รู้สึกว่า คือมือถือที่พอใช้ได้ แต่ไม่ได้สร้างความสุขให้ถูกใจ ฉะนั้นแล้ว ประสบการณ์หนึงวันหนึ่งคืนกับ A50s ช่วยให้ผมกลับมาเชื่อได้ว่า Android ที่จ่ายเงินประมาณหนึ่ง ไม่ถูก ไม่แพง ก็สามารถให้ความสุขชีวิตได้ “ยังมีจริง”
อาจอ่านดูแล้วอวย แต่เชื่อเถอะครับว่า ถ้าเอาชีวิตนี้ เงิน 10,990 บาท คือเงินที่มากทางความรู้สึก การได้มือถือจอ AMOLED ที่สวยทั้งการดูวีดีโอ ใช้งานชีวิตประจำวัน ในเวลาที่รถติด แล้วความบันเทิงเดียวคือการมองจอมือถือ รวมกับ UI ที่ใช้ง่าย สวยแบบรุ่นใหญ่ ตอบสนองได้ค่อนข้างลื่นไหล ไม่เป็นภาระว่า ช้า ค้าง อีกแล้ว มีกล้องที่ให้ครบ ถ่ายไม่สุดเท่ารุ่นใหญ่ แต่ถ่ายแล้วเก็บเป็นความทรงจำในอนาคตได้ และท้ายสุด ได้ระบบชาร์จไวแบบรุ่นพี่ ทำให้วันยุ่งๆ หรือเผลอลืมชาร์จแบตฯ บรรเทาด้วยเวลาชาร์จไม่มาก แต่แบตเตอรี่ไปต่อได้ ทั้งหมดนี้ คงเป็นการใช้เงินที่คุ้มค่าได้ไม่ยาก
ผมเลยสรุปเบื้องต้นในประสบการณ์ครั้งนี้ได้ว่า ผมยิ้มให้ A50s ที่องค์ประกอบเครื่อง ทำให้ผมกล้าแนะนำว่า แบงค์พัน 11 ใบ ที่จะจ่ายเพื่อใช้ไป 1-2 ปีจากนี้ คือการจ่ายเงินที่คุ้มค่า ไว้ใจได้ และเติมเต็มทุกวันของเจ้าของเครื่องได้แน่นอนครับ
และที่สำคัญสุดสำหรับ Samsung การสร้าง A Series ให้ประทับใจกับตลาดวงกว้างได้ คือการสร้างฐานให้คนที่ซื้อไป เลือกซื้อ Samsung รุ่นที่ใหญ่กว่าในอนาคตไปด้วยเช่นกัน ในยุคที่ฝั่งหนึ่งแข่งเรื่องการทุ่มสเปก+กดราคา การที่ Samsung พยายามเอาคุณภาพเข้าสู้ คือการเลือกทางเดินที่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ขอให้รักษาแนวทาง+ทำให้เหนือความคาดหมายแบบนี้ไปเรื่อย ๆ นะครับ คนที่ได้ คือผู้บริโภคล้วน ๆ
ทิ้งท้ายกันสักนิด
ก่อนจะจากกัน.. ผมขอสรุปสเปค Galaxy A50s ที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอีกสักรอบแล้วกันนะครับ
- หน้าจอ Infinity-U Display แบบ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+
- หน่วยประมวลผล Octa-core ความเร็ว 2.3 GHz มาพร้อมแรม 6 GB และหน่วยความจำในตัว 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB
- 3 กล้องหลัง ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 เก็บภาพมุมกว้างได้ 123° และเลนส์ระยะลึก ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ค่ารับแสง f2.0 พร้อม Selfie Focus หน้าชัดหลังละลาย
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4000 mAh และรองรับ Fast Charge 15W ด้วยหัวชาร์จ USB-C
- ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-screen Fingerprint) และการสแกนใบหน้า (Facial Recognition)
โดยจะวางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท ใครที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของกันได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และพิเศษ เมื่อซื้อเครื่องตั้งแต่ 18 กันยายน – 15 ตุลาคมนี้ ที่ตัวแทนจำหน่าย Samsung ทั่วประเทศ จะได้รับฟรี Galaxy A UV Jacket มูลค่า 990 บาท พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% 24 เดือนกับบัตร Citi Ready Credit หรือ 0% 10 เดือนกับบัตร Krungsri FirstChoice สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/galaxy-a50s/