ทุกวันนี้พูดได้เลยว่าโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่คนยุคนี้ขาดไม่ได้ แต่การมีสมาร์ทโฟนที่ดีและทำอะไรได้หลายต่อหลายอย่าง ก็ต้องคู่ควรกับเครือข่ายมือถือที่ไว้วางใจได้ และมีแพ็คเกจให้เลือกตามความต้องการของแต่ละบุคคล ปัจจุบันเราได้เห็นแพ็คเกจที่เน้นการใช้งานด้านอินเทอร์เน็ตกันอย่างแพร่หลายในราคาที่หลากหลายมากขึ้น
แต่การจะหาแพ็คเกจที่เหมาะสมต่อการใช้งาน รองรับการใช้งานในทุกรูปแบบ สามารถควบคุมทุกสิ่งอย่างได้ดั่งใจ อาจหาที่ตรงใจแบบทั้งหมดได้ยาก แต่ไม่ใช่กับ AIS ที่กล้าออกแพ็คเกจที่เปิดให้ลูกค้าสามารถควบคุมการใช้งานด้วยตนเองได้ดั่งใจ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ที่คนส่วนใหญ่เล่นอินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น และลดความสำคัญกับการโทรลงไปแบบพอสมควร ก็เลยถึงเวลาของแพ็คเกจที่สามารถควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก นั่นคือแพ็คเกจ AIS Next G Flexi Speed ที่เราจะพูดถึงกันในครั้งนี้
AIS Next G Flexi Speed เปิดให้สมัครใช้งานได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งลูกค้าเปิดเบอร์ใหม่ ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม ลูกค้า AIS 1-2-Call เปลี่ยนเป็นรายเดือน และลูกค้าปัจจุบัน
อะไรคือ Next G Flexi Speed?
แพ็คเกจ Next G Flexi Speed ปัจจุบันมีราคาให้เลือกใช้งาน 3 ระดับ คือ 450 บาท/550 บาท และ 750 บาท ทั้งหมดมาพร้อมกับโทรฟรีทุกเครือข่าย 200 นาที ใช้งาน AIS Super Wi-Fi ไม่จำกัด และใช้งาน Next G ได้ไม่จำกัดบนพื้นที่ที่ให้บริการ แต่แตกต่างด้วยจำนวนอินเทอร์เน็ตบน 4G และ 3G ที่ให้มากกว่าแพ็คเกจอื่นเป็นพิเศษ และการปรับความเร็วอินเทอร์เน็ตที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- แพ็คเกจ Next G Flexi Speed 450 บาท ใช้งานอินเทอร์เน็ตบน 4G/3G ได้ 20 GB (หลังจากนั้นใช้งานต่อเนื่องที่ความเร็ว 256 Kbps)
- แพ็คเกจ Next G Flexi Speed 550 บาท ใช้งานอินเทอร์เน็ตบน 4G/3G ได้ 40 GB (หลังจากนั้นใช้งานต่อเนื่องที่ความเร็ว 256 Kbps)
- แพ็คเกจ Next G Flexi Speed 750 บาท ใช้งานอินเทอร์เน็ตบน 4G/3G ได้ 60 GB (หลังจากนั้นใช้งานต่อเนื่องที่ความเร็ว 384 Kbps)
ในอนาคต แพ็คเกจแนวเดียวกับ Next G Fiexi Speed จะเป็นแนวทางของแพ็คเกจในยุค 5G ที่ความเร็วจะเพิ่มขึ้นสูงถึงหลัก Gbps แถมไปต่อได้อีกด้วยเทคโนโลยีของ Next G+ ฉะนั้นแล้วเมื่อ 5G มาถึง AIS ก็จะมีแพ็คเกจทำนองนี้ออกมาเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับความเร็วได้ตามการใช้งานของแต่ละบุคคล โดยไม่จำเป็นต้องใช้งานที่ความเร็วเกินความจำเป็นอีกต่อไป
แพ็คเดียวที่คุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ดีกว่า
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า จุดขายของแพ็คเกจนี้เป็นแพ็คเกจที่ผู้ใช้สามารถปรับความเร็วอินเทอร์เน็ตได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล ก็ต้องเอามาขยายและเจาะลึกให้เห็นภาพกันอีกสักหน่อยจะดีกว่า
การปรับความเร็วอินเทอร์เน็ตสามารถทำได้ด้วย 2 วิธีหลัก ๆ คือปรับผ่าน My AIS โดยเข้าไปที่ แพ็คเกจ > แพ็คเกจปัจจุบันของคุณ > แพ็คเกจหลัก และเลือก “ปรับความเร็วเน็ต” หรือปรับผ่านการกดรหัสที่ผู้ใช้สามารถกดได้ตามความเร็วที่ต้องการ ตั้งแต่ 2 Mbps จนถึงความเร็วสูงสุด 300 Mbps บน 4G และ 42 Mbps บน 3G
เมื่อเรากดปรับความเร็วแล้ว ระบบหลังบ้านของ AIS จะเลือกใช้ความเร็วนั้นกับหมายเลขของเราไปจนกว่าจะมีการสั่งปรับความเร็วใหม่อีกครั้ง ตัวอย่างเช่น หากเลือกความเร็ว 8 Mbps ระบบก็จะใช้ความเร็วอินเทอร์เน็ตบน 4G/3G ที่ 8/8 Mbps แทนความเร็วสูงสุด 300/42 Mbps ซึ่งจะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการจำกัดปริมาณข้อมูลได้ดีมากขึ้น เช่นหากต้องการดู YouTube / Line TV หรือดูหนังบน Netflix หรือ AIS Play ที่ความละเอียด Full HD เราสามารถเลือกใช้ความเร็วสูงสุด หรือความเร็ว 8 Mbps ได้ เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดและลื่นไหลไม่มีสะดุด
แต่หากมีความจำเป็นที่ต้องการจำกัดปริมาณข้อมูลในขณะนั้น ๆ เช่น อยู่ระหว่างคาบเรียนหรืออยู่ในระหว่างการทำงาน ซึ่งมีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเพียงแค่การเช็คข้อความ รับ-ส่งข้อความ หรือเช็คอีเมล ก็สามารถปรับลดมาที่ความเร็ว 2 หรือ 4 Mbps เพื่อใช้เพียงแค่ให้ตัวเครื่องทำหน้าที่รับข้อความเข้าเพียงเท่านั้น เพราะระบบของ iOS และ Android ก็ถูกออกแบบมาให้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ความเร็วต่ำสำหรับการเช็คข้อความหรืออีเมลอยู่แล้ว หรือหากต้องการจำกัดปริมาณข้อมูลเพื่อไม่ให้หมดเร็วก่อนกำหนด เช่นถ้าต้องการป้องกันไม่ให้ลูกเล็กเอาไปเปิดดู YouTube เล่นเพลินจนเน็ตหมด ก็สามารถปรับเป็นความเร็วต่ำเพื่อป้องกันการใช้งานโดยไม่จำเป็นได้เช่นกัน
ที่สำคัญสุดคือแพ็คเกจนี้สามารถใช้งานร่วมกับบริการ Multi SIM, iMultiSIM และ Multi SIM Plus+ ได้ และสามารถปรับความเร็วอินเทอร์เน็ตแบบหลายเครื่องได้พร้อมกัน เช่นมี iPhone เป็น eSIM และสมัคร Multi SIM ใส่เพิ่มที่ iPad ให้เด็กเล็กเพิ่ม กรณีที่เราปรับความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ iPhone เป็น 4 Mbps ที่ iPad ก็จะถูกบังคับใช้ 4 Mbps ด้วยเช่นกัน ถือเป็นการจำกัดปริมาณข้อมูลทางอ้อมไม่ให้หมดเร็วได้อีกด้วย
แพ็คเดียวที่ให้อินเทอร์เน็ตที่มากกว่าใคร
อีกจุดขายหลักของแพ็คเกจ Next G Flexi Speed คือการให้ปริมาณดาต้าที่มากกว่าแพ็คเกจอื่นทั่วไปแบบชัดเจนในราคาที่ประหยัดกว่ามาก ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเลือกแพ็คเกจของลูกค้าได้อย่างลงตัว
สรุป
กล่าวโดยสรุปเลยก็คือ Next G Flexi Speed ถือเป็นอีกสีสันหนึ่งของการออกแบบแพ็คเกจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างชัดเจน และด้วยปริมาณอินเทอร์เน็ตที่มากกว่า ย่อมทำให้คนที่มีงบในการเลือกแพ็คเกจน้อยย่อมหันมาสนใจกันพอสมควร ด้วยราคาที่ดูสมเหตุสมผล แถมยังใช้งาน Next G ได้ไม่แพ้คนที่ใช้แพ็คเกจสูง ๆ Next G Flexi Speed จึงจัดเป็นตัวเลือกของคนอยากได้เน็ตเยอะถึงเยอะมาก แบบที่ไม่ต้องโทรไปขอโปรฯ ลับ แบบที่หลายคนชอบทำกัน
แม้ว่า Next G Flexi Speed จะเป็นโครงการทดลองเพื่อใช้ในการออกแบบแพ็คเกจสำหรับ 5G ต่อไปในอนาคต แต่ส่วนตัวก็เชื่อได้ว่า AIS มาถูกทาง เพราะเมื่อ 5G มาถึงจริง ๆ ด้วยความเร็วที่มากขนาดนั้น ยังไงก็ย่อมทำให้รูปแบบการใช้งานทั้งหมดต้องเปลี่ยนไปแน่นอน แต่ถ้าหากเราสามารถจำกัดการใช้งานได้ตามความต้องการของเราจริง ๆ ก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ใช้และทรัพยากรเครือข่ายที่มีอยู่อย่างจำกัดได้เป็นอย่างดี
เอาเป็นว่าช่วงนี้ใครที่กำลังมองหาแพ็คเกจใหม่ ๆ มาใช้งาน ก็ลองมาสมัครใช้ Next G Flexi Speed จาก AIS ดูกันได้ สมัครได้แล้ววันนี้ที่ AIS Call Center 1175, Serenade Club, AIS Shop และ Telewiz ทุกสาขา และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th/flexispeed ครับ : )
