ลองแล้วเล่า

ลอง(นิดหน่อย)แล้วเล่า : Huawei Watch GT 2 “ก็เค้าอยากให้เรามาออกกำลังกาย…”

“พี่ครับ Huawei เค้าอยากให้ไปออกกำลังกายลอง Watch GT2 ตัวใหม่ดู”

นี่คือประโยคแรกที่ลูกหมี iBehemortHz โทรมาหาและบอกอย่างรวดเร็วทันใจ หลังวันสงบสุขวันหนึ่งถูกทำลายด้วยอีเมลเชิญชวนให้ไปลอง “Huawei Watch GT 2” รุ่นใหม่ล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศไทยไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อโชว์ฟีเจอร์ที่เด็ดที่สุดของ Watch GT 2 อย่าง Sport Tracking ที่ถูกอัพเกรดให้รองรับการออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ส่วนตัวผมคิดว่าถ้า Huawei จะให้เอากลับบ้าน เชื่อว่าก็คงจะได้เห็นรีวิวฟีเจอร์นี้กันน้อย งานนี้ Huawei เลยจัดคอร์สต่อมวยแบบเร่งรัด Heartrate 45 นาทีมาให้ได้ลองเล่นกัน พ่วงด้วยการทดสอบประสิทธิภาพของเจ้า Watch GT 2 ให้ดูกันแบบเต็มตาเลย

45 นาทีแห่งความหรรษาเริ่มต้นขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นคอร์สแบบสั้น ๆ ที่เรียกพลังงานได้เยอะพอตัว แต่ความรู้สึกแบบผิวเผินอาจจะทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ทุกอย่างถูกบันทึกเก็บไว้ใน Huawei Watch GT 2 ที่ถูกต่อเข้ากับโทรศัพท์และเก็บข้อมูลไว้อย่างดีเป็นของฝากกลับบ้าน 45 นาทีที่ได้ลองเล่น Huawei Watch GT 2 มอบประสบการณ์อะไรให้ผมที่เป็นแฟน Apple Watch ไปบ้างนั้น ลองตามดูกันต่อได้เลยครับ

แนะนำตัวกันหน่อย

สเปคเจ้า Huawei Watch GT2 ตัวนี้ ก่อนอื่นต้องบอกว่าระหว่างตัว 46mm และตัว 42mm จะมีจุดที่แตกต่างกันในบางจุด แต่รายละเอียดโดยรวมที่เหมือนกันคือเจ้านี่มาพร้อมกับชิป Kirin A1 ซึ่งเป็นชิปสำหรับอุปกรณ์สวมใส่ตัวแรกของ Huawei ซึ่ง Kirin A1 ตัวนี้จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการประมวลผลระหว่างการออกกำลังกาย การทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ทั้งมือถือ Huawei Android (ที่เมื่อเปิดนาฬิกาแล้วตัวมือถือ Huawei Android จะขึ้นให้ Pair อุปกรณ์โดยอัตโนมัติ) และตัวหูฟัง Huawei FreeBuds 3 รวมถึงให้ระยะในการเชื่อมต่อที่กว้างกว่าอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ ถึง 250 เมตร และการจัดการพลังงานที่ทำได้ดีกว่า Watch GT รุ่นแรก ผ่าน Bluetooth Low Energy 5.1 ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น และนานกว่าสมาร์ทวอทซ์ตัวอื่น ๆ ได้อย่างชัดเจน โดยตัว 46mm จะใช้งานได้นานถึง 14 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และตัว 42mm จะใช้งานได้นาน 7 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ด้านดีไซน์ รุ่น 46mm เน้นออกแบบให้เป็นแนวสปอร์ตด้วยตัวเรือนขนาดใหญ่ ส่วนตัว 42mm ออกแบบให้มีความบางเป็นพิเศษถึง 9.4 มิลลิเมตร เพื่อรองรับข้อมือของคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ ทั้งคู่มาพร้อมกับหน้าปัดแบบ 3D Glass อย่างสวยงาม ภายในเป็นหน้าจอ OLED พร้อมเซ็นเซอร์การทัชที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างแม่นยำทั้งการแตะและเลื่อนเนื้อหา โดยตัว 46mm มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 เส้น ส่วนตัว 42mm มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 1.2 นิ้ว ความละเอียด 390 เส้น ทั้งคู่มีความละเอียดต่อจุดที่ 361 ppi

ลงสนามจริง

สิ่งเดียวที่จะเล่าให้ฟังในครั้งนี้ คือการใช้งานในแง่ของการ “ออกกำลังกาย” ความสามารถส่วนอื่น ๆ จึงไม่มีเล่าในตอนนี้ แต่อย่างน้อย ผมก็ได้รับรู้ในสิ่งที่น่าสนใจจากรุ่นใหม่ของ Watch GT2 ได้ดังนี้ อย่างแรกสุดคือ ผมชอบงานออกแบบโดยรวมตั้งแต่รุ่นแรก แต่พอมองแบบตั้งใจดี ๆ ผมรู้สึกเหมือของถูกไร้ราคามาก มาในรุ่นใหม่ ผมเห็นความเรียบร้อยในงานประกอบที่เน้นมากขึ้น แน่นมากขึ้น น้ำหนักที่ดูสมกับเป็นนาฬิกาชั้นดีมากขึ้น ถึงจะยังไม่เนี๊ยบเท่ายี่ห้ออื่นในตลาด แต่ก็ให้พัฒนาการที่ดีขึ้น เรือนที่ได้มาทดลอง เป็นขนาด 46mm หากใครใช้ Garmin Fenix 5 ก็จะคุ้นเคยได้ไม่ยาก

สิ่งต่อมาที่เปลี่ยนไปชัดๆ คือการตอบสนองในสองสิ่ง สิ่งแรกคือหน้าจอ ผมชอบรุ่นใหม่มากขึ้น ในแง่ความลื่นไหลที่รู้สึกเข้าที่ขึ้น แต่สิ่งที่ยังทำได้ดีกว่านี้ คือการทำให้โทนสีในจอ ออกมาสบายตากว่านี้ บางสีที่เห็น มันน่าจะผ่านการปรับแต่งให้สวยกว่านี้ได้อยู่ และจุดที่ผมดีใจมากคือ ผมเคยเห็นคนใช้ Watch GT รุ่นแรก แล้วเวลามีแจ้งเตือน มันสั่นได้สะพรึงเหมือนมือถือยุคจอขาวดำมาติดข้อมือ แต่ในการทดลองใช้สั้น ๆ มีแจ้งเตือนจากนาฬิกาเล็กน้อย การสั่นของนาฬิกา เป็นการสั่นแบบ “สะกิด” ซึ่งสมควรจะเป็นแบบนี้มากกว่า

ตอนใช้งานขณะออกกำลังกายในรอบนี้ สิ่งที่สอบผ่านคือ ถึงเรือนจะขนาด 46mm แต่ก็ไม่หนักหรือทำให้ข้อมือรู้สึกว่า กำลังใส่อะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งในบรรดา Wearable เพื่อการออกกำลังกายหลายตัว บางทีให้ความรู้สึกไม่คล่องตัวเท่าที่ควรจะเป็น แต่ Watch GT2 ยังให้ความคล่องตัวที่รับได้ ในขณะเดียวกัน การแจ้งสถานะที่จำเป็น ทั้งเวลา / อัตราการเต้นหัวใจ / การเผาผลาญ หากเปิดเทียบกันข้าง ๆ กับ Apple Watch ที่ผมใช้งานเป็นประจำ พบว่าค่าที่ขณะใช้งาน ค่อนข้างจะให้ข้อมูลที่ตรงกันอยู่ จึงพอมั่นใจได้ว่า ในการออกกำลังกาย ถือเป็นเพื่อนแนะแนวที่ไว้ใจกันได้อยู่

สรุป

ถ้าใช้ Apple Watch หรือ Galaxy Gear แล้วกลายเป็นการเลือกข้าง แต่จะให้ไปเล่น fitbit / Mi Band หรือ Fitness Tracker ที่เป็นนาฬิกาข้อมือได้ ก็ดูประกาศตัวว่า “ฉันรักสุขภาพ” มากไปนิด จะให้ Keep Look ว่าใช้นาฬิกาไฮเทคแบบรักสุขภาพด้วย มองไป Garmin แล้วพบว่ากระเป๋าฉีก…

เชิญ Huawei Watch GT2 ได้เลยครับ ด้วยราคาเริ่มต้น 6,490 บาท สำหรับรุ่น 46mm และ 5,990 บาท สำหรับรุ่น 42mm แอบเป็นราคาชวนขยี้ตา แต่เท่าที่ได้ลองแล้ว ก็แอบไม่แปลกใจว่า ทำไมรุ่นแรกถึงสามารถขายแบบ ขาดตลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้ ถึงจะเป็นแค่ 45 นาทีที่ได้ลองใส่เพื่อออกกำลังกาย แต่ถ้าเอาแค่ 45 นาที ตัดสินประสบการณ์ผมตอนนี้ ผมอาจยอมซื้อมาสลับกับ Apple Watch ตัวเอง ในเวลาที่ผมอยากมีนาฬิกาทรงดูเท่ห์ๆ สักเรือนก็ไม่เลวนะ

ส่วนที่เหลือนอกนั้นแล้ว…ผมจะ ลองหาโอกาสเอามาใช้ชีวิตกันดูหน่อยว่า ความรู้สึกชอบใน 45 นาทีนั้น จะมากขึ้นหรือน้อยลง ก็คงต้องรอให้ผมได้ไปใช้ชีวิตกับมันก่อนละกัน….

คณะแกดกวน #teamgadguan

ดลกุล เนตรรัตนากุล (zipboy)

ชื่อเต๋า อายุหลัก 3 ชอบของเล่นไฮเทคทั้งหลาย แต่ไม่ค่อยจะได้เล่น ต้องไปยืมชาวบ้านมาลอง เป็นกรรมกรประจำ #TeamGadGuan รักที่จะเขียน และรักคนอ่านครับ^^